เด็กสาวไม่พอใจในรูปร่างตัวเอง เขียนวันสั่งลาไว้ในไอจี ก่อนจะปลิดชีพตัวเองหลังจากนั้น…

การฆ่าตัวตายมีโอกาสเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรืออายุเท่าไหร่ แม้แต่กับเด็กน้อยวัย 11 ปีคนนี้ที่ได้แสดงความต้องการในแง่ลบของเธอออกมาอย่างชัดเจน จนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเธอต้องการที่จะฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่สามารถช่วยเธอเอาไว้และได้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า

นี่คือเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า Milly Tuomey อาศัยอยู่ในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017 พ่อแม่ของเธอได้เจอกับ “ไดอารี่ฆ่าตัวตาย” ของเด็กสาวที่บันทึกไว้ในอินสตาแกรมว่าตนเองต้องการที่จะตายวันไหน

 

เด็กสาว Milly ที่ฆ่าตัวตายไปตั้งแต่อายุ 11 ปี

 

เธอได้เข้ารับการบำบัดด้วยศิลปะ หลังจากที่เธอได้รับการตรวจสอบอาการทางจิตและพบว่าเธอมีบางอย่างที่ไม่ตรงตามคุณสมบัติทั่วไป

ในครั้งแรกที่เธอได้เข้ารับการบำบัดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2015 นักบำบัดก็ได้แนะนำครอบครัวให้พาเธอไปเข้ารับการตรวจจาก บริการด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นของ HSE เพื่อสำรวจในเรื่องของอารมณ์ที่เกิดขึ้นผ่านการพูดและความหมายของภาพที่เธอรับรู้

 

 

นักจิตวิทยาในสถานที่ดังกล่าวกลับไม่ได้สนใจในความผิดปกติของเธอมากเท่าที่ควร พวกเขาได้นัดให้เธอเข้ามารับการตรวจสอบและรักษาในวันที่ 30 มกราคม 2016 ซึ่งนั่นก็สายเกินกว่าที่จะช่วยเด็กคนนี้เอาไว้ได้

Fiona แม่ของเด็กสาวรู้สึกกังวลใจอย่างมาก เธอเล่าว่า “ลูกสาวฉันโพสต์ลงไปว่า ‘คนสวยจะไม่กินอาหาร’ แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ แล้วเธอก็ยังเขียนบอกอีกว่าต้องการตายวันไหน ซึ่งนั่นทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าควรต้องทำอย่างไรต่อไปดี”

 

 

จนกระทั่งวันที่ 1 มกราคม 2016 หนึ่งขณะที่ครอบครัวกินข้าว ดูหนังด้วยกัน Milly ก็ลุกขึ้นมาบอกว่าตนเองรู้สึกเบื่อแล้วจึงเดินขึ้นไปบนห้อง ก่อนที่เธอจะถูกพบในอาการสาหัสและถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที แต่เด็กสาวก็ไม่อาจรอดชีวิตมาได้และเสียชีวิตในวันที่ 4 มกราคม 2016

ผลจากการชันสูตรบอกได้เลยว่านี่คือการฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จิตแพทย์ Antoinette D’Alton ได้ออกมาพูดในปี 2017 ว่า “เมื่อปีก่อนเรื่องของการฆ่าตัวตายของเด็กในวัยนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ปัจจุบันสามารถสังเกตเห็นได้ว่าการฆ่าตัวตายของเด็กวัยประมาณนี้กลับเพิ่มสูงขึ้นมาก”

ปัจจุบันจำนวนเด็กวัย 10 ถึง 14 ปีที่ฆ่าตัวตายในประเทศไอร์แลนด์ ติดอันดับ 5 ในยุโรป สังเกตเห็นได้ว่าในประเทศนี้ยังคงไม่ยอมรับในการช่วยเหลือเด็กๆ ที่มีปัญหาด้านนี้มากเท่าที่ควร

 

 

แม้ปัญหาของเด็กอาจดูเป็นเรื่องเล็กสำหรับผู้ใหญ่ แต่บางครั้งสิ่งนั้นก็อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา และผลที่ตามมาก็อาจหนักหนาเกิดกว่าที่พวกเราจะคาดเดาได้

 

ที่มา: dailymail

Comments

Leave a Reply