หลังจากที่อัศวินรัตติกาลฉบับพี่ Ben Affleck ได้ออกมาโลดแล่นกันไปแล้วถึงสามเรื่องสามรส ทั้งใน Batman vs Superman, แจมนิดหน่อยใน Suicide Squad และเป็นผู้นำทีมใน Justice League ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างบอกว่า บทและการแสดงของเขาไม่ได้น่าพอใจสักเท่าไหร่
งานนี้สเด็จพ่อ Christopher Nolan ผู้สร้างผลงานอัศวินรัตติกาลแบบไตรภาคฉบับ Christian Bale และประสบความสำเร็จสุดๆ ก็ออกมาบอกถึงหนัง Batman ฉบับพี่ Ben ว่าทำไมมันถึงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควรทั้งที่หนังเขาฉายไปแล้ว 5 ปีก่อนแต่ยังเปรี้ยงกว่าเสียอีก
Nolan ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในงานประกาศรางวัล BAFTA ที่กรุงลอนดอนว่า Batman ของเขาในตอนนั้นมันเป็นการทำหนังแบบตามใจตัวเองมากที่สุด
เขาบอกว่า “สิทธิพิเศษและเวลาอันมีค่าในการทำหนังปัจจุบันมันไม่ได้รับการยอมรับอีกต่อไป ผมว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วมั่งที่ทุกคนสามารถเข้าไปคุยกับสตูดิโอได้ เพราะปัจจุบันตารางปล่อยหนังฮีโร่พวกนี้มันกดดันมากๆ ที่จะส่งต่อให้คนอื่นมาทำต่อ
แต่ว่าความคิดสร้างสรรค์มันก็เป็นข้อได้เปรียบสำคัญเช่นกัน ฉะนั้นผมจึงได้สิทธิพิเศษและมีข้อได้เปรียบมากๆ ที่จะสร้างเรื่องราวดีๆ ขึ้นมาพร้อมนำครอบครัวของผมกลับมาร่วมทำงานด้วยกันอีกครั้ง”
ซึ่งเหตุผลของเขามันก็ดูมีน้ำหนักมากๆ เพราะ Batman ของ Nolan ใช้เวลา 7 ปีกว่าจะออกมาครบ 3 ภาค แต่ว่าหนังของ Ben กลับออกมาทุกปีหรือปีครึ่ง ซึ่งเมื่อเทียบเวลาแล้วมันครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ คือการทำหนังอัศวินรัตติกาลของ Nolan จะถูกคั้นด้วยหนังเรื่องอื่นของเขา โดยเริ่มจาก Batman Begins ปี 2005 จากนั้นเขาก็พักไปทำ The Prestige ฉายปี 2006 ทำให้เขามีเวลาที่จะหาไอเดียมาทำหนังเรื่องต่อไป
จากนั้นเขาก็กลับมาทำ The Dark Knight ในปี 2008 แล้วพักกลับไปทำ Inception ต่อในปี 2010 แน่นอนว่าหนังเรื่องดังกล่าวก็เทพสุดๆ และเขาก็พักไปอีกพักหนึ่งจนตัวเองพร้อมกับมาทำ The Dark Knight Rise ในปี 2012
ซึ่งจากเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลของเด็จพ่อ Nolan เราก็จะรู้สึกได้ว่ามันมีส่วน แต่มันก็อาจจะไม่ทั้งหมดซะทีเดียว เพราะ The Dark Knight Rise ของคุณพ่อก็ไม่ได้ปังเหมือนสองภาคก่อน ฉะนั้นทุกอย่างล้วนมาจากหลายๆ ปัจจัยอยู่ดีนั่นเอง…
ที่มา gizmodo
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.