Baiae คือชื่อเมืองโรมันที่มีอยู่มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 1 ตามประวัติศาสตร์แล้ว นี่คือเมืองที่ยิ่งใหญ่อลังการและมั่งคั่งไปด้วยเงินตรา เปรียบได้กับหมู่บ้านของเหล่าชนชั้นสูงในยุคนั้น ก่อนที่จะจมลงไปใต้ผิวน้ำเพราะการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งและการระเบิดของแผ่นดินไหว
จนกระทั่งผ่านมาประมาณ 1,700 ปีนับจากวันที่เมืองนี้หายไป ตำนานของมันก็ได้กลับมาถูกเล่าขานอีกครั้ง หลังจากที่มีการค้นพบเมืองแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศอิตาลี
.
.
.
ภาพของเมืองโบราณที่ได้รับการค้นพบนี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Antonio Busiello ที่ได้ลงไปเก็บความสวยงามของมันพร้อมกับทีมนักประดาน้ำ พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่นี้เป็นกลุ่มแรกๆ
ข้างใต้นั้นจะพบกับเส้นทางถนน กำแพง กระเบื้องเคลือบ หรือแม้แต่รูปปั้นแกะสลัก ที่สามารถรอดจากช่วงเวลาของการล่มสลายมาได้
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะพวกเขายังได้พบกับอาคารที่คาดว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนรวยในสมัยก่อน แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้
ภาพแผนผังของเมืองที่เชื่อว่ามีอยู่ในยุคโรมัน
รูปปั้นจำนวนมากที่ยังคงรูปร่างเอาไว้
.
ซากของอาคารของคนร่ำรวยในสมัยก่อน
ในต้นปี 2017 นี้ โปรเจกต์ Rome’s Sunken Secrets ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อการเข้ามาสำรวจและเรียนรู้เมืองดังกล่าวที่จมอยู่ใต้น้ำ เป็นการเปิดหูเปิดตาและเป็นที่สนใจของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ทั่วโลก
ศาสตราจารย์ Kevin Dicus ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า มีการค้นพบสิ่งที่เหมือนกับท่อน้ำที่สลักคำว่า L’Pisonis แสดงให้เห็นว่าอาคารที่ใช้ท่อน้ำดังกล่าวเป็นบ้านของครอบครัวตระกูล Piso
นั่นหมายความว่านี่เป็นบ้านของ Gaius Calpurnius Piso นักการเมืองชื่อดังในยุคโรมัน เพื่อนสนิทของ จักรพรรดิเนโร ในอดีต ตามตำนาน Piso คือคนที่เข้ามาหมายจะปลิดชีพจักรพรรดิ แต่ก็เปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย ก่อนที่เขาจะถูกสั่งให้ฆ่าตัวตายในที่สุด
และการค้นพบเมือง Baiae ก็เท่ากับว่าพวกเขาได้พบสถานที่สำคัญที่ได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น Kevin บอกว่า “สำหรับนักโบราณคดีแล้ว การได้เจอเมืองนี้ก็เหมือนกับการได้ค้นพบจอกศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน”
.
.
.
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้วไม่ได้มีเพียงแค่จักรพรรดิเนโรและนักการเมืองคนดังกล่าว แต่ยังมีคนที่มีชื่อเสียงในยุคโรมันอีกหลายคนที่เคยมาพักร้อนในเมืองนี้ เช่น จักรพรรดิเกลาดิอุส, นักกฎหมาย Pliny the Younger และจักรพรรดิซีซาร์
เมือง Baiae เปรียบได้กับนครลาสเวกัส ในยุคนั้น
.
.
.
อีกหนึ่งการค้นพบอันยิ่งใหญ่ และเชื่อว่ามันจะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่แห่งประวัติศาสตร์
ที่ช่วยให้เราได้เรียนรู้เหตุการณ์สำคัญๆ ในอดีตมากยิ่งขึ้น
ที่มา: dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.