นิตยสาร TIME เผยโฉมหน้าปกฉบับประจำปี ที่มีนางแบบคนหนึ่งถูกตัดออกไปเหลือแต่แขน!?

การจะมีภาพแปะอยู่บนปกนิตยสาร TIME นั้น ไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางสังคมมากในระดับหนึ่ง

และล่าสุดนิตยสาร TIME ได้ให้เกียรติกับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายร่างกายภายใต้ชื่อ #MeToo ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2017

โดย TIME ได้นำภาพผู้หญิงที่มีการเคลื่อนไหวอย่างโดดเด่นมาขึ้นปกนิตยสาร ซึ่งประกอบด้วย
: Ashley Judd, Taylor Swift, Susan Fowler, Adama Iwu และ Isabel Pascual ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่นำการเปลี่ยนแปลงในด้านการปกป้องตัวเอง

 

 

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดูดีๆ บนภาพปกดังกล่าวจะเห็นแขนใครคนหนึ่งโผล่มาด้วย ทำให้หลายคนสงสัยว่าเกิดจากความผิดพลาดหรือเปล่า แต่ทางนิตยสารยืนยันแล้วนั่นไม่ใช่ความผิดพลาด

ในการให้สัมภาษณ์ Edward Felsenthal หัวหน้าบรรณาธิการของ TIME บอกว่า “หญิงสาวที่โผล่มาแค่แขนแต่ไม่เห็นหน้า เธอคือสัญลักษณ์ของทุกคนที่ยังไม่เปิดเผยตัวเองหรือไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา”

 

 

Felsenthal บอกอีกว่า “นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเหล่านี้ที่จะเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว มันคือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา”

“การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาจากความกล้าหาญของผู้หญิงหลายร้อยคนและผู้ชายบางคนที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยการบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง” 

ในนิตยสาร TIME เขียนไว้ว่าหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อเลือกที่จะเก็บคนเดียวอย่างเงียบๆ บางคนอาจเก็บไว้นานเป็นเดือนๆ ปีๆ แต่ในที่สุดความโกรธแค้นที่สะสมมาเรื่อยๆ จะเป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาเปิดเผยมันออกมา

 

มีสัญลักษณ์อันทรงพลังซ่อนอยู่ในภาพนี้ และนั่นคือวัตถุประสงค์หลักที่ TIME ต้องการนำเสนอ

 

เช่นเดียวกับนิตยสาร New York ที่ทำเก้าอี้ว่างไว้หนึ่งตัว เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนกล้าที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านความรุนแรงทางเพศ

 

 

Ashley Judd นักแสดงหญิงวัย 49 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้ขึ้นปกนิตยสาร TIME กล่าวว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศโดย Harvey Weinstein โปรดิวเซอร์ชื่อดัง ตอนอายุ 29 ปี

เธอบอกว่า “เราจำเป็นต้องมีเครือข่ายเพื่อที่จะบอกเล่าเรื่องพวกนี้ แต่เราต้องทำมันอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย การรวมตัวกันหลายๆ คนจะทำให้เสียงของเราขยายไปในวงกว้างได้ นี่คือสิ่งที่ฉันแนะนำให้กับผู้หญิงมาตลอด”

 

 

ขณะที่ Susan Fowler วัย 26 ปี อดีตวิศวกรของ Uber “เมื่อทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ฉันรู้สึกสูญเสียอำนาจไปในทันที แต่ฉันรู้ว่าต้องทำอะไรบางอย่าง”

หญิงสาวเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในองค์กรดังกล่าว เมื่อองค์กรรู้เรื่องราวจึงได้ทำการขับไล่ CEO Travis Kalanick และพนักงานอื่นๆ อีก 20 คน ที่ก่อเหตุออกไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกบังคับให้เซ็นสัญญาเพื่อรับทราบข้อตกลงว่าจะไม่ฟ้องร้องและจะนิ่งเงียบสำหรับเรื่องนี้ แต่แล้วเมื่อเห็นผู้หญิงคนอื่นๆ ออกมาเคลื่อนไหว เธอจึงทำมันด้วยเช่นกัน

 

 

ส่วนนักร้องและนักแต่งเพลงสาว Taylor Swift วัย 27 ปี เล่าว่า “ฉันถูก David Mueller จับบั้นท้ายขณะถ่ายรูปเมื่อปี 2013″

Taylor โกรธมากเธอจึงออกมาพูดถึงเรื่องนี้ แต่ทาง Mueller กล่าวให้ว่าเธอให้การเท็จจนถูกไล่ออกจากงาน เขาจึงได้ทำการฟ้องร้องเธอ

แต่นักร้องสาวไม่ยอมแพ้ เธอตัดสินใจฟ้องกลับ โดยขอค่าเสียหายเพียงเล็กน้อย พร้อมบอกว่าอยากจะให้คดีนี้เป็นตัวอย่างกับผู้หญิงคนอื่นที่ต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่ถูกกระทำอย่างอุกอาจและน่าอับอายเช่นเดียวกัน

 

 

อีกคนหนึ่งคือ Adama Iwu วัย 40 ปี เธอตัดสินใจรวบรวมรายชื่อผู้หญิง 147 คน เพื่อเรียกร้องให้มีการไต่สวนคดีล่วงละเมิดทางเพศในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ส่วนจุดเร่ิมต้นของการเคลื่อนไหวนั้นมาจากการที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาบอกเธอว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ และปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกับเคยทำกับเธอมาก่อน

 

 

ทาง Isabel Pascual วัย 42 ปีบอกว่า “ไม่สำคัญว่าใครจะนินทาฉันยังไง สิ่งที่ฉันสนใจคือการช่วยเหลือผู้หญิงที่ต้องผ่านเหตุการณ์เดียวกัน”

 

 

Anonymous วัย 22 ปี อดีตผู้ช่วยสำนักงาน “ฉันพยายามอยู่อย่างเงียบๆ ในชุมชนเล็กๆ เพราะเวลาร้องเรียนพวกเขามักคิดว่าฉันโกหกเพื่อเรียกร้องความสนใจ”

เธอบอกว่าถูกเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งจูบและกดทับตัวเธอตัวร่างกายของเขา จนเธอไม่สามารถขัดขืนได้ ที่สำนักงานของเธอไม่มีฝ่ายบุคคล ทำให้ไม่สามารถร้องเรียนเรื่องนี้กับใครได้ ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจลาออกจากงานดังกล่าว

ยิ่งไปกว่านั้นเธอเติบโตมาในครอบครัวชนบทที่มักจะได้รับการปลูกฝังว่าเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรจะป่าวประกาศให้ใครรู้ เพราะมันจะสร้างความอับอายให้กับตัวเอง นั่นทำให้เหยื่อส่วนใหญ่เลือกที่จะเงียบ โดยที่ผู้กระทำยังคงใช้ชีวิตปกติ

 

 

มีเหยื่อน้อยคนนักที่กล้าที่จะออกมาพูดเรื่องราวของตัวเองสังคมได้รับรู้ และกล้าที่เคลื่อนไหวเพื่อความถูกต้อง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทางนิตยสาร TIME ถึงยกให้พวกเขาเป็นบุคคแห่งปี

ที่มา boredpanda

Comments

Leave a Reply