ในประเทศที่เป๊ะทุกระเบียบนิ้วอย่างญี่ปุ่น เรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะเห็นได้ว่าไม่ว่ารถไฟฟ้าหรือแม้แต่รถบัสเขาจะมาตรงทุกวินาที และหากคลาดเคลื่อนไปแม้แต่นาทีเดียวผู้บริหารหลายที่ก็ถึงขั้นลาออกเลยทีเดียว และในตอนนี้ประเทศนี้ก็มีวิธีใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเวลา โดยพวกเขาจะใช้โดรนบอกเวลาเลิกงานให้กับพนักงาน!!
โดรนบอกเวลาเลิกงานที่ว่านี้มีชื่อว่า T-Frend โดยมันจะปล่อยเสียงเพลง Auld Lang Syne เพลงสัญชาติสกอตแลนด์ ซึ่งปกติมักจะเปิดในร้านค้าของประเทศญี่ปุ่น ในเวลาที่ร้านค้าต่างๆ ใกล้จะปิดแล้ว
หน้าตาของโดรน T-Frend
“คนปกติมักจะไม่ค่อยมีสมาธิในตอนเวลาที่ใกล้เลิกงาน เพราะมัวแต่พะวงว่าเมื่อไหร่เวลาเลิกงานจะมาถึง พวกเราจึงได้คิดค้นโดรนที่สามารถปล่อยเพลง Auld Lang Syne ขึ้นมาอีกทั้งมันยังมีเสียงน่ารักๆ รวมอยู่ด้วย” Norihiro Kato ผู้อำนวยการบริษัท Taisei บริษัทรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบกล่าว
นอกจากโดรนอันนี้จะสามารถส่งเสียงบอกเวลาได้แล้ว มันยังถูกติดตั้งพร้อมกับกล้องวงจรปิด ที่ทำให้สามารถดูภาพสดๆ จากต่างสถานที่ และเครื่องนี้ยังสามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ภายในตึกได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยี GPS เลยด้วย
สามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ได้อัตโนมัติ
บริษัท Taisei มีแผนจะปล่อย T-Frend ในเดือนเมษายนปีหน้า โดยจะร่วมมือกับ Blue Innovation บริษัทพัฒนาโดรนโดยเฉพาะ และ NTT East ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม
สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับโดรนตัวนี้ ยังไม่มีการกำหนดออกมาแน่นอน แต่พวกเขาบอกเอาไว้ว่าจะมามีราคาให้บริการอยู่ราวๆ 500,000 เยน (ประมาณ 143,000 บาท) ต่อเดือน
วิดีโอการเปิดตัวโดรน T-Frend
ส่วนสาเหตุที่พวกเขาทำโดรนอันนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า มีบริษัทหลายแห่งต้องการให้พนักงานเลิกงานให้ตรงเวลา เนื่องมาจากในตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่มักจะทำงานเกินเวลาด้วยตัวพวกเขาเอง และนั่นอาจจะสร้างความเครียดให้แก่พวกเขา
ปัญหานี้ได้กลายมาเป็นปัญหาระดับชาติถึงขั้นที่รัฐบาลญี่ปุ่น ต้องพยายามเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะทำงานเป็นระยะเวลายาวนานต่อวัน เพื่อจะพิสูจน์ตัวเองต่อบริษัทว่ามีความจงรักภักดีต่อบริษัท และมีความอุทิศตัวให้กับงาน ซึ่งวัฒนธรรมดังกล่าวได้ฝังลึกเป็นรากฐานของสังคมไปแล้วในตอนนี้
ในทุกๆ ปีจะมีชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตหลายสิบคน ซึ่งมีเหตุมาจากการทำงานอย่างหนักเกินไปจนทำให้พวกเขาเกิดโรคต่างๆ ขึ้น โดยโรคที่เกิดจากการทำงานหนักจนเสียชีวิตส่วนมากจะเป็น โรคชัก โรคหัวใจ และความเครียดที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุดนั่นเอง
ที่มา: japantimes
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.