7 สัญญาณอันตรายจากร่างกาย ที่คอยเตือนถึงภาวะหลอดเลือดสมอง แต่คุณเลือกที่จะมองข้าม

ในปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้รายล้อมอยู่รอบตัวเรา ซึ่งโรคบางโรคก็มีอันตรายจนอาจจะทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และมีอีกโรคหนึ่งที่ใครหลายคนเลือกที่จะมองข้ามก็คือ โรคหลอดเลือดสมอง ภัยเงียบที่เป็นสาเหตุทำให้คนเสียชีวิตสูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลกเลยทีเดียว

โรคหลอดเลือดสมอง คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลายและการทำงานของสมองหยุดชะงักลงทันที

และนี่คือ 7 สัญญาณเตือนจากร่างกายว่าเราอาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งบางทีเราก็มองข้ามอาการเหล่านี้ไปว่ามันเป็นเรื่องปกติเดี๋ยวก็หาย หากใครที่มีอาการเหล่านี้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้าไปตรวจร่างกายกับแพทย์บ้าง ก่อนที่ทุกอย่างนั้นจะสายเกินไป…

 

1. คุณไม่เคยใส่ใจอาการของโรคหลอดเลือดสมองเลย

ในแต่ละนาทีที่เราเป็นโรคหลอดเลือดสมองอยู่ สมองของเราจะสูญเสียเซลล์ประมาณ 1.9 ล้านเซลล์ และในแต่ละชั่วโมงโรคหลอดเลือดสมองจะทำให้สมองเราเสื่อมไวกว่าคนปกติถึง 3.5 ปี

โดยในระยะยาวผู้ป่วยที่เป็นโรคและไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี มีโอกาสเสี่ยงที่จะพูดได้ช้ากว่าปกติและรู้สึกว่าการพูดเป็นเรื่องที่ยากขึ้น รวมถึงยังสามารถทำให้สูญเสียความทรงจำได้เลยทีเดียว

 

2. คุณคิดว่าการที่คุณเห็นภาพซ้อนกันมีเหตุมาจากความเหนื่อย

ปัญหาในด้านการมองเห็นต่างๆ ทั้งการเห็นภาพซ้อน สายตาเบลอ หรือว่าสูญเสียการมองเห็นในดวงตาข้างใดข้างหนึ่ง เป็นสัญญาณบอกว่าคุณอาจจะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้

ใครหลายคนคิดว่าอาการเหล่านี้เป็นผลมาจากการมีอายุที่เยอะขึ้นหรือมาจากความเหน็ดเหนื่อย แต่จริงๆ แล้วมีเหตุมาจากเส้นเลือดที่ตีบมาก จนทำให้จำนวนออกซิเจนไม่เพียงพอที่จะขึ้นไปหล่อเลี้ยงดวงตาต่างหาก

 

3. คุณมักจะเป็นเหน็บชาหลังจากเพิ่งตื่นนอนหรืองีบหลับ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการชาที่แขนหรือขาหลังจากที่เพิ่งตื่นนอน คุณอาจจะคิดว่าเป็นเพราะร่างกายเราโดนกดทับจากการนอนหลับจนเป็นเหน็บชา

แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นเพราะว่าการไหลเวียนเลือดตามร่างกายของคุณผิดปกติ โดยอาจจะมีสาเหตุมาจากการมีเส้นเลือดบางเส้นระหว่างกระดูกสันหลังไปจนถึงหลังศีรษะได้ตีบลง จนทำให้ร่างกายซีกใดซีกหนึ่งของคุณเกิดอาการชานั่นเอง

 

4. คุณคิดว่าอาการพูดไม่ชัดมาจากการกินยาต่างๆ

“ยาบางชนิดอย่างยาแก้ปวด สามารถเป็นสาเหตุทำให้มีอาการพูดไม่ชัดได้ และผู้คนมักจะคิดว่าปัญหาเรื่องพูดไม่ชัดมาจากยาที่พวกเขากิน แต่ไม่มีใครคิดถึงโรคหลอดเลือดสมองเลย” Dr. Sacco กล่าว

ยาบางชนิดอาจทำให้เราพูดไม่ชัดได้ แต่ถ้าไม่ใช่ผลข้างเคียงจากยาดังกล่าวแล้วล่ะก็ คุณก็อาจจะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ นอกจากนี้การที่คุณรู้สึกว่ามีใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปกว่าเดิมก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน

 

5. คุณคิดว่าการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้คุณเสียการสมดุล

หากคุณคิดว่า อาการเสียการทรงตัวของคุณมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ล่ะก็ มันก็อาจจะใช่อยู่ แต่ถ้าอาการเสียสมดุลของคุณนั้นกินเวลานานเกินไป มันอาจจะไม่ได้มาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่อาจจะเป็นการที่สมองมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้จะมีอาการ เดินสะดุดนู่นนี่ เดินซวนเซ และเกิดเวียนหัวขึ้นอย่างกะทันหัน

 

6.คุณคิดคำพูดไม่ออก จนบางทีก็รู้สึกเหนื่อย

“เมื่อคนเรามีปัญหากับการคิดคำพูดที่เหมาะสม หรือสูญเสียกระบวนการคิดไปอย่างกะทันหัน มันอาจทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยหรือมึนงงได้” Dr. Brockington กล่าว

การขาดดุลยพินิจการใช้คำพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของโรคหลอดเลือดสมอง โดยคนปกติอาจจะมีการติดขัดเรื่องคำพูดบ้างบางครั้ง แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแล้วล่ะ

 

7. คุณอาจจะคิดว่าอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นบ่อยๆ มาจากโรคไมเกรน

อาการปวดหัวอาจจะมาจากโรคไมเกรน แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็อาจจะเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองก็เป็นได้ เพราะว่าอาการปวดหัวจากทั้งสองโรคจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กันจึงทำให้ยากต่อการตรวจสอบว่าอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุใดกันแน่ แต่ทางดีที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รับการรักษาในรูปแบบของโรคหลอดเลือดสมองจะปลอดภัยกว่า

 

ที่มา: rd

Comments

Leave a Reply