ด้วยภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ทั้งการมีมลพิษต่างๆ ที่มากขึ้น รวมถึงภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทำให้โลกของเราดูเหมือนว่าจะมีอายุที่สั้นลงและสิ่งมีชีวิตก็เริ่มสูญพันธุ์กันมากขึ้น และหากยังมีสภาพที่เป็นเช่นนี้อยู่ ก็อาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นกับโลกของเรามากขึ้นตามไปด้วย
และเมื่อไม่นานมานี้นักสัตววิทยาได้ออกมาเปิดเผยว่า โลกของเราอาจจะต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ขนาดใหญ่อีกครั้ง นับตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว
โดยรายงานสิ่งแวดล้อม The Living Planet report ซึ่งจัดทำโดยองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) และสมาคมสัตวศาสตร์แห่งลอนดอน (ZSL) ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันโลกของเราจะเผชิญกับการสูญพันธุ์ที่ไวกว่ากำหนดเดิมถึง 100 เท่า
ด้วยเหตุนี้ ในปี 2020 นี้จำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, ปลา, สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์อื่นๆ ที่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ จะลดลงถึง 2-3 เท่าในเวลา 50 ปีที่ผ่านมา
ในอดีตเราอาจจะมีความคิดที่ว่า ไดโนเสาร์อาจจะสูญพันธุ์ไปจากโลกเนื่องจากมีอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาชนที่โลกของเรา แต่ในตอนนี้สิ่งที่จะทำให้ดาวดวงนี้ใกล้จะเข้าสู่ภาวะวิกฤตก็คือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’
รายงานสิ่งวาดล้อมนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลสายพันธุ์สัตว์กว่า 3,706 ชนิด และได้พบว่า ในช่วงปี 1970 ถึง 2012 จำนวนประชากรสัตว์แต่ละชนิดลดลงไปถึง 58 เปอร์เซ็นต์ และถ้ายังรักษาระดับนี้ไว้เรื่อยๆ ภายในปี 2020 ตัวเลขจะลดลงไปถึง 67 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
“ในประวัติศาสตร์ของโลกเรา มีการสูญพันธุ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นมาแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็มีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติ ถ้าเรายังไม่ทำอะไร เราจะเป็นการสูญพันธุ์ครั้งที่ 6 อย่างแน่นอนและในครั้งนี้จะเป็นการสูญพันธุ์ครั้งแรก ที่มีสาเหตุมาจากน้ำมือของมนุษย์”
“พวกเราใช้ผืนดินเพื่อทำฟาร์ม ทำลายป่าไม้ ขุดเหมืองแร่ และใช้โครงสร้างพื้นฐานของโลกมากเกินไป ทำให้สัตว์ป่ามีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม อีกทั้งยังมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย”
“เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ไม่ใช่แค่หยุดทำเท่านั้น แต่เราต้องฟื้นฟูธรรมชาติของโลกกลับมาด้วย” Mike Barrett ผู้บริหารโครงสร้างโลกของ WWF กล่าว
ผลกระทบจากพฤติกรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น พรานเถื่อนได้คร่าชีวิตของช้างแอฟริกาไปจำนวนมาก และทำให้มันมีจำนวนที่ลดน้อยลงถึง 111,000 ตัวจากทั้งหมด 415,000 ตัว ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง
ที่มา: ladbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.