‘วิดพื้น ซิทอัพ ยืดกล้ามเนื้อ’ ญี่ปุ่นพัฒนาหุ่นยนต์นักออกกำลังกาย ที่มี ‘เหงื่อ’ ไหลออกมาได้ด้วย

หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ หรือที่เรียกกันว่า Humanoid เป็นสิ่งที่ยังคงมีการพัฒนาต่อไปในหลายๆ สถาบัน ทีมนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน ซึ่งในตอนนี้ได้มีการพัฒนาทำให้มันสามารถออกกำลังกายและมีเหงื่อออกได้ ดูไม่ต่างกับมนุษย์เลย

นี่เป็นงานล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารของสหรัฐอเมริกา Science Robotics เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2017 นักวิจัย Yuki Asano และเพื่อนร่วมงานของเขาที่จบการศึกษาจากสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยโตเกียว พวกเขาได้ทำการสร้างหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายมนุษย์ขึ้นมาสองตัว ได้แก่ Kenshiro และ Kengoro

 

Kengoro หุ่นยนต์ที่สามารถออกกำลังกายได้เหมือนกับมนุษย์

 

Kenshiro เป็นหุ่นที่ถูกพัฒนาในช่วง 2011 ถึง 2014 ต่อมาจึงได้สร้าง Kengoro ขึ้นมาและพัฒนาต่อจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าหุ่นยนต์ตัวล่าสุดนี้สามารถออกกำลังกายในท่าต่างๆ ได้เหมือนกับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการวิดพื้น ซิทอัพ หรือยืดกล้ามเนื้อ

เจ้า Kengoro มีความสูง 167 เซนติเมตร น้ำหนัก 56.5 กิโลกรัม ลักษณะนิ้วมือ นิ้วเท้า สัดส่วนของร่างกาย ส่วนของกระดูกข้อต่อต่างๆ และกล้ามเนื้อที่ทำมาจากโลหะที่มีลักษณะคล้ายกับฟองน้ำ ลักษณะโดยรวมของมันจึงคล้ายกับมนุษย์ค่อนข้างมากจริงๆ

 

 

และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะระบบระบายความร้อนของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้จะทำให้ มีน้ำซึมออกมาจากส่วนของกระดูกและกล้ามเนื้อเทียม ทำให้ดูเหมือนกับเหงื่อของมนุษย์ยังไงยังงั้นเลย

ด้วยความพิเศษของระบบดังกล่าว Yuki ถึงกับบอกว่า สิ่งนั้นช่วยให้ Kengoro สามารถวิดพื้นได้หลายนาที โดยที่เครื่องยนต์ไม่ร้อนจนเกินไป

 

นอกจากจะออกกำลังกายได้แล้ว การขยับของคอก็มีความเหมือนมนุษย์เช่นกัน

 

นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่นักวิจัยหวังว่ามันจะสามารถช่วยให้เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น

Yuki บอกว่า “ระบบเซ็นเซอร์ที่ถูกติดตั้งอยู่ภายในจะบอกเราว่า แต่ละกิจกรรมที่เราทำจะใช้กระดูกหรือกล้ามเนื้อส่วนไหนบ้าง เราจึงหวังว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการแพทย์หรือการกีฬา ในการฟื้นฟู จัดการฝึกซ้อมต่างๆ ได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น”

 

คลิปแสดงตัวอย่างการทำงาน การออกกำลังกายของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้

 

เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่หากได้รับการพัฒนาต่อไป เชื่อว่ามันจะสามารถช่วยเหลือและให้ความรู้กับเราได้อีกมากอย่างแน่นอน

 

ที่มา: japantimes

Comments

Leave a Reply