ใครหลายคนที่เป็นแฟนซีรีส์สุดมันส์อย่างเรื่อง Game of Thrones อาจจะเคยได้ยินคำขวัญประจำตระกูลสตาร์ก ที่ว่า “Winter is coming” ซึ่งแปลว่าฤดูหนาวกำลังจะมาถึง และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าฤดูกาลในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแปลกไปจากฤดูกาลจริงๆ ของโลกเราอยู่พอสมควร
ก่อนหน้านี้ได้มีบทความวในารสารจากมหาวิทยาบริสตอล ประเทศอังกฤษ ที่พยายามหาวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายเหตุผลของสำนวนประจำตระกูลสตาร์คที่ว่านี้ และหาสาเหตุว่าทำไมอากาศในซีรีส์เรื่องนี้ถึงได้หนาวกันตลอดทั้งปี แม้ฤดูหนาวที่ว่าของพวกเขายังไม่มาถึงก็ตาม
แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีงานวิจัย (ปลอมๆ) ที่เขียนโดย Samwell Tarly หนึ่งในตัวละครเอกของเรื่องออกมาเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วสภาพอากาศใน Westeros นั้นเป็นอย่างไรกันแน่?
ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นเมสเตอร์ให้ได้ เขาจึงมุ่งมั่นเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เมสเตอร์ควรจะรู้ เขาจึงได้ทำวิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศออกมา โดยภาษาที่เขาใช้เขียนนั้นเป็นภาษา Dothraki และภาษา High Valyrian
ซึ่งงานวิจัยที่เขาเขียนได้สร้างประโยชน์มากมายสำหรับแฟนๆ ซีรีส์เรื่องนี้ เราจึงได้นำงานวิจัยของ Sam มาแปลและวิเคราะห์ข้อมูล
โลกจำลองจากข้อมูลการวิจัยของ Samwell
ทั้งนี้ทฤษฎีของ Samwell ได้ผ่านการวิเคราะห์จากนักวิจัยได้ให้ข้อสรุปเอาไว้ว่า สภาพอากาศบริเวณนอก The Wall จะมีสภาพอากาศที่เย็นยะเยือกจนแทบจะอยู่ไม่ได้ตลอดทั้งปี และ Casterly Rock บ้านของตระกูล Lannisters กลับมีอากาศที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพอากาศในแบบจำลองก็มีทั้ง ลมหายใจที่เป็นไฟของมังกร รวมถึงไฟป่าด้วย
สำหรับโลกของเรา การที่ฤดูกาลเปลี่ยนไปเป็นเพราะการโคจรไปเรื่อยๆ ของโลก โดยแต่ละมุมการโคจรก็จะให้สภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้เขียนบทความก็ได้ใช้หลักการเช่นเดียวกัน สร้างโลกแบบจำลองขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงองค์ประกอบต่างๆ ว่าทำไมโลกใน Game of Thrones จึงแตกต่างกับโลกจริงๆ
แหม ทำงานวิจัยได้ไงกันเนี่ย
“เพราะว่าแบบจำลองสภาพอากาศที่จัดทำขึ้นอ้างอิงมาจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ในโลกจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เพียงแต่จำลองสภาพอากาศในโลกอนาคตเท่านั้น
แต่สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นยังสามารถนำมาปรับใช้เป็นแบบจำลองสำหรับดาวดวงอื่นๆ ทั้งในชีวิตจริงหรือในจินตนาการก็ได้เช่นกัน” Dan Lunt คนเขียนบทความ (ตัวจริง) ได้เขียนไว้
ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ได้เคยมีทฤษฎีที่แตกต่างกันออกไป เกี่ยวกับฤดูกาลที่นับว่าแปลกในซีรีส์เรื่องนี้ บางทฤษฎีก็บอกว่าเป็นเพราะมีภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง หรือมีอุกกาบาตเข้ามาชนอย่างบ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตามทฤษฎีทั้งหมดก็ชี้ชัดตรงกันที่ ระยะเวลากลางคืนจะมีเวลาที่นานขึ้นซึ่งจะมาพร้อมกับฤดูหนาวที่ร้ายแรงขึ้น
“ผมคิดว่าทฤษฎีของ Sam ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมมันบอกเอาไว้อย่างนั้น” Peter Griffith นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศขององค์การนาซ่ากล่าว
แหม ยอมใจความเก่งของเขาจริงๆ ..
ที่มา: earther
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.