เผย 16 ขุมทรัพย์ที่คุณหมอพบใน ‘จิมมี่’ ของสาวๆ ตลอดปี ตั้งแต่ไฟท้ายจักรยาน ลามไปถึงหูฟัง!?

นี่ก็ใกล้จะสิ้นปี 2017 แล้ว และตลอดทั้งปีที่ผ่านมาหลายคนอาจเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องร้าย เรื่องดี เรื่องแปลก เรื่องสุดประทับใจและเรื่องฮาๆ ผสมปนเปกันไป…

แต่คนที่ต้องเจอเรื่องแปลกๆ ไม่เว้นแต่ละวันก็คงจะเป็นคุณหมอนี่แหละ เพราะนอกจากคนป่วยแล้ว บางวันพวกเขายังคนไข้ที่มาพร้อมกับสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด หรือในบางกรณีก็พบภายในอวัยวะเพศชายด้วย!?

 

 

โดยสิ่งของพบในช่องคลอดผู้หญิงนั้น ถูกเก็บข้อมูลโดย US Consumer Product Safety Commission (คณะกรรมาธิการความปลอดภัยสินค้าอุปโภคบริโภคของสหรัฐฯ) จากการตรวจสอบห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลหลายๆ แห่งภายในประเทศสหรัฐอเมริกา

 

โดย 16 สิ่งที่พบบ่อยที่สุดในช่องคลอด ในปี 2017 มีดังต่อไปนี้

1. สบู่

2. ฝาขวดระงับกลิ่นกาย

3. ฝาขวด

4. วงแหวนครอบอวัยวะเพศชาย

5. ลูกบอกซิลิโคน

6. ลูกบอล

7. ไฟท้ายจักรยาน

8. ฟองน้ำ

9. หูฟัง

10. ผ้าเย็น

11. โทรศัพท์และเงิน

12. ดินน้ำมัน

13. เชิงเทียน

14. อมยิ้ม

15. ลูกบอล 15 ลูก แต่หาเจอแค่ 14 ลูก

16. ไม้ของเล่น

 

ส่วนในอวัยวะเพศชาย คุณหมอเคยพบชิ้นส่วนของโดมิโน ชิ้นส่วนของขวดแชมพู และสกรูขนาดเล็ก… โดยมี 8 สิ่งที่พบบ่อย ดังนี้

1. สกรูขนาดเล็ก

2. ขวดแชมพูพลาสติก

3. ของเล่นปลายแหลม

4. ของเล่นโลหะ ยาว 4 นิ้ว

5. ช้อนพลาสติก

6. ชิ้นส่วนโดมิโน

7. คลิปหนีบกระดาษ

8. สายโคแอกเชียล

 

 

โดยปกติแล้วความยาวเฉลี่ยของช่องคลอดผู้หญิงอยู่ที 9.6 เซนติเมตร ดังนั้นเมื่อไฟท้ายจักรยาน เชิงเทียน และหูฟัง เข้าไปติดอยู่ในนั้นจึงไม่สามารถดึงออกมาได้ นอกจากจะต้องให้คุณหมอช่วย…

หลายคนอาจจะรู้สึกแปลกใจกับความลับที่ถูกเปิดเผยนี้ แต่สำหรับคุณหมอ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว โดยเฉพาะในปีนี้ที่ดูเหมือนจะมีสิ่งของเซอร์ไพรส์หลากหลายเป็นพิเศษ

ปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่าการใช้แตงกวาเพื่อกระชับช่องคลอดนั้นอาจก่อให้เกินอันตรายมากกว่าผลดี กลับกลายเป็นว่าไม่มีรายงานการใช้แตงกวาในปีนี้โผล่ออกมาเลย…

 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงได้หันไปใช้อย่างอื่นแทน เช่น ดินเหนียว อมยิ้ม และฝาขวดดับกลิ่นกาย แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะอยู่ในช่องคลอดเหมือนผ้าอนามัยหรือถุงยางอนามัย

ดังนั้น หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในช่องคลอด อย่าปล่อยไว้นานเกินไป และไม่ควรที่จะเอาออกเอง แต่ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อการขอการรับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและปลอดภัย

 

ที่มา dailymail

Comments

Leave a Reply