เป็นที่รู้กันดีว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความลึกลับมากมาย ทั้งในใต้ทะเลลึกที่มนุษย์เรายังไม่มีความสามารถหาได้ว่าจริงๆ แล้วภายใต้น้ำเค็มเหล่านั้นมีอะไรซ่อนอยู่อีกบ้าง นอกจากนี้บนผืนดินที่เราอาศัยกันก็มีความลับมากมายซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการขุดค้นพบสิ่งแปลกๆ ที่ฝังอยู่ใต้ดินอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง
ทั้งนี้การค้นพบอาจจะให้คำตอบแก่เราได้ว่า จริงๆ แล้วโลกของเราในอดีตเคยเป็นอย่างไรมาบ้าง แต่ก็มีการค้นพบบางอย่างที่นอกจากจะไม่ให้คำตอบแล้ว ยังสร้างคำถามเพิ่มขึ้นให้แก่เราอีกว่า มันเกิดมาจากอะไร? หรือเกิดมาเพื่ออะไรกันนะ? สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบันที่ยังรอคนมาพิสูจน์อยู่ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเช่นไรกันแน่
และนี่คือ 7 การค้นพบบนโลกใบนี้ที่ได้สร้างความงงงวยให้แก่ทุกคน ซึ่งการค้นพบแต่ละอย่างได้สร้างความปวดหัวขนาดไหน มาลองดูกันเลยดีกว่า
1. เอ็มบริโอมัมมี่
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบโลงหินโลงหนึ่ง โดยในขั้นต้นการค้นพบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เพราะในสมัยอียิปต์โบราณผู้คนก็มักจะเก็บอวัยวะต่างๆ ของผู้เสียชีวิตเอาไว้ในโลงอยู่แล้ว
ทว่าเมื่อมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลงหินที่เพิ่งค้นพบนี้ ก็พบว่าโลงนี้ไม่ได้มีเอาไว้เก็บอวัยวะมนุษย์ แต่สิ่งที่พวกเขาเก็บเอาไว้ในโลงนี้กลับเป็น ทารกในครรภ์ที่ถูกทำเป็นมัมมี่ โดยเอ็มบริโอดังกล่าวมีอายุเพียงแค่ 16-18 สัปดาห์เท่านั้น
โลงที่ถูกค้นพบนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์กันไว้ว่าน่าจะมีอายุประมาณ 664-525 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งการค้นพบนี้เป็นการค้นพบมัมมี่ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัตศาสตร์เลยทีเดียว
2. ม้วนกระดาษเดดซี
ม้วนกระดาษเดดซี เป็นหนึ่งในหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบม้วนกระดาษนี้ที่ถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับทะเลเดดซี
กระดาษที่พวกเขาค้นพบมีมากมายนับพันๆ แผ่น ซึ่งข้อมูลที่เขียนขึ้นในแผ่นกระดาษเหล่านี้เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ฮีบรูไบเบิลของศาสนาคริสต์
นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่ออีกว่า พวกเขายังสามารถค้นพบแผ่นกระดาษแบบนี้เพิ่มเติมได้อีก หากยังคงมีการค้นหาต่อ โดยในปัจจุบันม้วนกระดาษเหล่านี้ถูกเก็บเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์อิสราเอล ในเมืองเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล
3. ปิรามิดชีเชนอิตซา
ศูนย์กลางของปิรามิดชิเชนอิทซ่า คือพีระมิดขนาดใหญ่ที่เรียกว่า เอล คาสติลโล่ โดยปิรามิดนี้ตั้งอยู่ในคาบสมุทรยูกาตัง รัฐยูกาตัง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก
โดยมันถูกสร้างขึ้นประมาณใน 1,000 ปีแรกของคริสต์ศักราช ซึ่งสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของปิรามิดนี้ก็คือ มันยังมีปิรามิดอีกสองหลังซ่อนอยู่ภายในด้วย และในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามที่จะหาทางเข้าไปภายในโดยไม่ทำลายกำแพงอยู่
4. คู่รักยุคหินใหม่
โครงกระดูกคู่รักนี้ถูกค้นพบเมื่อหลายปีก่อนที่เมืองมันโตวา ประเทศอิตาลี ซึ่งโครงกระดูกที่ว่านี้เป็นโครงกระดูกของชาย-หญิงที่ถูกฝังเอาไว้เมื่อประมาณ 6,000 ปีก่อน
โดยนักโบราณคดีที่ศึกษาโครงกระดูกของคู่รักคู่นี้ได้ยืนยันว่า โครงกระดูกดังกล่าวเป็นโครงกระดูกของคู่รักในยุคหินใหม่ ที่หาได้ยากมากๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นการโครงกระดูกของคน 2 คนที่ถูกฝังอยู่ในที่เดียวกัน
5. สุสานแอมฟิโพลิส และหลุมศพนิรนาม
สุสานแห่งนี้ถูกค้นพบที่เขตแอมฟิโพลิส ในประเทศกรีซ ซึ่งสุสานแห่งนี้ได้มีหลุมศพมากมายอยู่ในนั้น และอีกอย่างหนึ่งที่เป็นสิ่งที่น่าสนใจก็คือ สุสานแห่งนี้มีรูปปั้นหินอ่อนรูปคนตัวสูงสง่าตั้งอยู่บริเวณหน้าทางเข้า โดยรูปปั้นที่ว่านี้ถูกเรียกว่า Caryatides
การค้นพบสุสานแห่งนี้ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าเป็นของใคร ซึ่งนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์บางคนก็บอกว่า สุสานแห่งนี้เป็นของร็อกซานาอดีตภรรยาของ อเล็กซานเดอร์มหาราช บางคนก็บอกว่าเป็นสุสานของอเล็กซานเดอร์มหาราชเอง
6. แผ่นสลักจักรราศี
แผ่นสลักจักรราศีนี้ถูกค้นพบที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ว่า ในตอนที่มันถูกค้นพบ เจ้าแผ่นสลักที่ว่านี้ถูกฝังอยู่ใต้ดินลึกในระดับหนึ่ง ทำให้พวกเขาบอกว่านี่ไม่ใช่การฝังที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน และมันน่าจะมีอายุหลายร้อยปีเลยทีเดียว
7. รูปปั้นยักษ์บนเกาะ Easter
รูปปั้นยักษ์แห่งนี้ถูกฝังอยู่ใต้ดินลึกหลายเมตร โดยรูปปั้นที่ว่านี้ไม่เพียงมีแต่หัวอย่างเดียว เพราะบางตัวก็มีร่างกายจนแทบจะเหมือนคน ซึ่งโครงการค้นหารูปปั้นยักษ์ได้ค้นพบหินแกะสลักนี้แล้วมากกว่า 1,000 ตัว
แต่สำหรับสาเหตุที่ชาวโบราณได้สร้างขึ้นมา ยังไม่มีใครสามารถไขคำตอบได้ว่าพวกเขาได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพราะอะไรกันแน่
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.