ภาพเหตุการณ์ “น้ำแข็งท่วม” เมืองบอสตัน น้ำท่วมและหนาวจัด เกิดเป็นภัยพิบัติหาชมยาก!!

ภัยธรรมชาติเป็นเรื่องที่มนุษย์พยายามหลีกเลี่ยงมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ดีธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์และหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี และราวกับธรรมชาติกลั่นแกล้งในบางครั้งมนุษย์เราก็ต้องพบกับภัยพิบัติอันแสนเลวร้ายยิ่งกว่าที่เคยมีมาอีกด้วย

ในขณะเมืองบอสตันกำลังพยายามจัดการกับปัญหาน้ำท่วมอยู่นั้นพวกเขาก็ได้พบกับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างกะทันหันจากพายุหิมะ จนทำให้เกิดธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วท้องถนน

สำนักข่าว The Boston Globe รายงานว่าประชาชนราว 20 ครอบครัวต้องทำการอพยพจากที่พักอาศัย แต่มีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือจากยานพาหนะลุยน้ำของเจ้าหน้าที่ National Guard

 

น้ำท่วมแข็งในทางเหนือของเมือง Boston

 

ภาพของรถที่ทำการยกที่ปัดน้ำฝนและกระโปรงหลังไว้เพื่อไม่ให้ส่วนนั้นจมอยู่ในหิมะ แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านการจมอยู่ในธารน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำท่วมแข็งได้

.

 

ภาพพยากรณ์อากาศของของอเมริกาฝั่งตะวันออก

 

อุณหภูมิเยือกแข็งที่ประมาณ -9 องศาเซลเซียส จะยังปกคลุมเมืองบอสตันไปอีกประมาณสองวันและอาจลดลงไปได้ถึง -18 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน

โดยที่ในบางพื้นที่อาจพบลมหนาวพัดซึ่งทำให้อุณหภูมิสามารถลดลงไปอย่างเลวร้ายที่สุดที่ -37 องศาเซลเซียส

 

 

Benjamin Sipprell นักอุตุนิยมวิทยาในบอสตันกล่าวว่าน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากพายุหิมะพัดผ่านในช่วงน้ำขึ้นซึ่งขึ้นสูงกว่าปกติเพราะซูเปอร์มูนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ซูเปอร์มูนมักจะเกิดขึ้นประมาณ 4-6 ครั้งต่อปี

 

 

น้ำขึ้นน้ำลงเกิดขึ้นเพราะดวงจันทร์ น้ำจะขึ้นสูงสุดในช่วงพระจันทร์เต็มดวงและซูเปอร์มูนจะยิ่งทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นไปอีก จนในที่สุดก็ทะลักเข้าท่วมเมือง

“น้ำขึ้นตามปกติในบอสตันจะสูงประมาณ 9 ถึง 10 ฟุต” Sipprell บอก “มันอาจขึ้นไปได้ถึง 12 ฟุต และเราก็คาดการณ์ว่าครั้งนี้มันจะขึ้นไปได้ถึง 12.1 แต่กลายเป็นว่ามันกลับสูงถึง 15 ฟุต มันต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์แน่ๆ “

ครั้งสุดท้ายที่เมืองจมอยู่ในธารน้ำแข็งแบบนี้ก็ตั้งแต่เมื่อปี 1978 และเมืองที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดก็จะเป็นเมืองที่ติดแนวชายฝั่งแบบ Plum Island กับ Scituate

 

ภาพของรถที่ถูกแช่แข็ง และมันจะเป็นแบบนี้ไปอีกกว่า 24 ชั่วโมง

.

 

การกู้ภัยเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

.

.

 

หญิงสาวผู้เฝ้ามองคลื่นทะเลอยู่บนกำแพงกันคลื่น

 

การกู้ภัยในขณะที่น้ำกำลังจะแข็งเป็นน้ำแข็งเพราะพายุหิมะ

.

.

.

 

แน่นอนว่าอีกเหตุผลหนึ่งของภัยพิบัติครั้งนี้ก็หนีไม่พ้นสภาวะโลกร้อน นายกเทศมนตรีบอสตันเชื่ออย่างนั้น

“ถ้ามีใครอยากตั้งคำถามว่าโลกเราร้อนขึ้นจริงๆ เหรอ ก็ให้พวกเขามาดูพื้นที่ที่น้ำท่วมสิ ที่แถบนั้นไม่ได้มีน้ำท่วมมากว่า 30 ปีแท้ๆ “

ข้อความนี้ได้รับการเห็นด้วยจาก Richard Alley นักสังคมวิทยาจาก Penn State โดยที่เขาบอกว่าทะเลที่อุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้เกิดพายุที่รุนแรง

 

ผู้คนมากมายที่ต้องใช้ชีวิตกลางพายุหิมะ

.

 

การประมงและการเดินทางไปทำงานที่ต้องหยุดลง

.

.

 

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่บอสตันเพียงเพื่อที่จะต้องมาติดอยู่ในสนามบินเพราะพายุ

มวลน้ำที่ซัดเข้าชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง

.

.

 

ตอนนี้พายุลูกดังกล่าวอาจจะผ่านไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามความเลวร้ายที่บอสตันต้องพบก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้เพราะในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้ พายุลมหนาวจากอาร์กติกจะพัดเข้ามาอีกระลอก ซึ่งอาจจะทำให้อุณหภูมิในตัวเมืองบอสตันติดลบยาวนานภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้

นั่นหมายความว่าหากไม่จัดการพายุหิมะครั้งนี้ให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว น้ำอาจจะแข็งตัวซ้ำอีกครั้งและก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังที่อาจจะแก้ไขด้วยความยากลำบากได้

ที่มา Dailymail

Comments

Leave a Reply