ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ อีกทั้งยังมีการพัฒนาทางด้านต่างๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ในตอนนี้ประเทศจีนได้ก้าวมาเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งของโลก
ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างมากมาย ทว่าในเรื่องสภาพอากาศในประเทศจีนนั้นต้องถือว่าเลวร้ายเลยทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีข่าวเรื่องวิกฤตหมอกควันเกิดขึ้น ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนไปยังประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในเมืองต่างๆ
แต่ในตอนนี้ประเทศจีน ก็ได้ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป โดยพวกเขาได้วางแผนว่าจะปลูกป่าแห่งใหม่ขึ้นในปี 2018 นี้โดยมันจะปกคลุมพื้นที่กว่า 41 ล้านไร่ ซึ่งจะมีขนาดเกือบเท่ากับประเทศเกาหลีใต้ หรือนับเป็นพื้นที่ราว 1 ใน 6 ของประเทศไทยเลยทีเดียว
การเคลื่อนไหวล่าสุดของประเทศจีนนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะสลัดภาพเมืองแห่งมลพิษทิ้งไป และคาดหวังเอาไว้ว่าจะกลายมาเป็นประเทศผู้นำโลกในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม แทนที่ประเทศสหรัฐ ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ เลือกที่จะถอดถอนประเทศสหรัฐอมเริกา ออกจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศกรุงปารีสเมื่อปีที่แล้ว
โดยทางกรมจัดการป่าไม้ของประเทศจีน ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนป่าไม้ภายในประเทศให้มีมากถึง 23 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด ให้ได้ภายในปี 2020 ซึ่งตัวเลขในปัจจุบันอยู่ที่ 21.7 เปอร์เซ็นต์จากพื้นที่ทั้งหมด
และในปี 2035 ก็จะพยายามทำให้พื้นที่ป่าไม้ครอบคลุมถึง 26 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด จากคำบอกกล่าวของ Zhang Jianlong หัวหน้ากรมจัดการป่าไม้ของประเทศจีน
ในปี 2014 ที่ผ่านมานั้น เมืองต่างๆ ในประเทศจีนถูกมองว่าเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษทางอากาศเรื้อรังมาโดยตลอด เนื่องมาจากการขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา
ซึ่งในปีนี้พวกเขาได้ประกาศ ‘สงครามกับมลพิษ’ ที่นอกจากจะมีการปลูกป่าเพิ่มแล้ว ยังรวมถึงการปราบปราม บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษ และจะลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
สำหรับพื้นที่ที่จะมีการปลูกป่าเกิดขึ้นนั้นคือ ทางตอนเหนือของมณฑลเหอเป่ย มณฑลชิงไห่ รวมถึงเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ซึ่งเป็นเขตปกครองตัวเองทางตอนเหนือของประเทศจีนด้วยเช่นกัน
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.