หนุ่มไทยพาสาวญี่ปุ่นที่ไม่เคยออกนอกประเทศ เที่ยวเชียงใหม่เป็นครั้งแรก และนี่คือสิ่งที่พวกเธอได้เรียนรู้

ในแต่ละประเทศหรือแต่ละท้องถิ่นล้วนมีวัฒนธรรมและความน่าสนใจที่ต่างกัน และความแตกต่างนี่แหละที่จะทำให้เราได้เห็นถึงความงดงามบนโลกใบนี้

เหมือนอย่างสองสาวชาวญี่ปุ่นที่ตัดสินใจออกนอกประเทศตัวเองครั้งแรก เพื่อไปยังที่ที่พวกเขาไม่เคยไป ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งคู่ได้สัมผัสกับประสบการณ์อันแปลกใหม่มากมายที่ไม่เคยเจอมาก่อน

นี่เป็นเรื่องราวจากสมาชิกเว็บพันทิปที่ใช้ชื่อว่า ที่จุดหมาย ยังมีสายรุ้ง ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่อาสาพาสองสาวชาวญี่ปุ่นทัวร์ทุกซอกทุกมุมในเมืองเชียงใหม่

 

คุณที่จุดหมาย ยังมีสายรุ้ง เล่าว่าเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เขาได้มีโอกาสพาเพื่อนชาวญี่ปุ่น 2 คน มาเที่ยวเชียงใหม่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับสองสาวด้วยที่ได้ออกนอกประเทศ หรือเรียกว่าไปต่างประเทศครั้งแรกนั่นแหละ

โดยเหตุผลที่สองสาวตัดสินใจตามหนุ่มไทยมาเชียงใหม่คือ ‘อยากรู้ว่าสถานที่ที่คุณ ที่จุดหมาย ยังมีสายรุ้ง เติบโตมานั้นเป็นอย่างไร’

การทัวร์เชียงใหม่ครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 1 วัน แต่สำหรับสองสาวแล้วอาจจะรู้สึกเหมือน 1 ปี เพราะพวกเขาได้เห็นได้และทำในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต

 

 

และแล้วประสบการณ์แรกก็เริ่มต้นขึ้น นั่นก็คือการเข็นรถ…มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรานะ แต่ที่ญี่ปุ่นไม่มีการจอดรถแบบจอดนอกซอง ถ้าที่จอดในซองเต็มก็จะถือว่าเต็ม ต้องไปจอดที่อื่น ถ้าต้องการจอดให้ได้ก็ต้องขับวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนออก

นอกจากนี้การจอดรถโดยไม่ใส่เบรคมือเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะรถอาจจะไหลไปชนคันอื่นได้ และการไปแตะต้องรถคนอื่น (เช่นการเข็นรถ) อาจมีความผิดทางกฎหมายได้

แต่บ้านเราสามารถจอดนอกซองกันชิลๆ ปลดเกียร์ว่างไว้เข็นกันสนุกเลย และบังเอิญวันที่พาสองสาวเที่ยวเป็นวันสิ้นปีพอดี ทำให้ในห้างมีรถเยอะเป็นพิเศษ หน้าที่เข็นรถเลยตกเป็นของสองสาวแบบงงๆ คือเข็นไปก็งงว่าไปว่าแบบนี้มีด้วยเหรอ??

 

 

ประสบการณ์ต่อมาคือการกินปังเย็นหิมะ อาจจะไม่แปลกหรอกสำหรับคนญี่ปุ่น แต่ที่ทั้งคู่ต้องทึ่งคือมีการใส่ขนมปังลงไปในน้ำแข็งไสด้วย?

พวกเขาคิดว่าขนมปังกับน้ำแข็งไสมันช่างไม่เข้ากันซะเลย ใครจะกินก็กินเถอะแต่เราขอบายดีกว่า นั่นเลยทำให้ขนมปังหวานๆ ตกเป็นอยู่ในท้องของเจ้าของกระทู้แบบไม่มีใครแย่ง

นี่ถ้าเจอน้ำแข็งไสที่ใส่ทั้งลูกชิด แปะก้วย มันเชื่อม คงต้องช็อคแน่ๆ

 

 

หลังจากกินอาหาร กินของหวานเสร็จก็ต้องเช็คบิล จากนั้นก็ออกจากร้านได้ แต่สำหรับสองสาวยังออกไม่ได้เพราะรู้สึกแปลกใจที่ว่าทำไมคนที่นี่จึงเหลือเงินทอนไว้ในร้าน ทำไมไม่เอาไปให้หมดล่ะ?

นั่นเป็นเพราะในญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิป ถ้าพวกเขาเหลือเศษเงินทอนไว้ในร้าน สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือพนักงานของร้านจะวิ่งตามลูกค้าอย่างสุดชีวิตข้อหาที่คุณลืมเงินทอน

เจ้าของกระทู้เล่าว่าจริงๆ การให้ทิปเป็นวัฒนธรรมที่มาจากยุโรปหรืออเมริกามากกว่า แต่สองสาวไม่เคยออกนอกประเทศไงเลยไม่รู้จักวัฒนธรรมนี้ พวกเขาดูเสียดายเงินทอนนั้นมากๆ ทั้งที่คนจ่ายคือเจ้าของกระทู้

 

 

อีกหนึ่งเรื่องน่าทึ่งคือเชียงใหม่เป็นเมืองที่ใหญ่ มีคนพลุกพล่านมากๆ แต่ทำไมไม่มีรถไฟในเมือง หรือแม้แต่รถบัสล่ะ?

นั่นคือสิ่งที่คนเชียงใหม่เองก็อยากรู้ แม้แต่เจ้าของกระทู้เองยังรู้สึกว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่ระบบขนส่งสาธารณะค่อนข้างแย่ รถบัสที่เหมือนจะมี แต่ก็เหมือนไม่มี มีแต่รถแดง ซึ่งคนเชียงใหม่ก็รู้กันดีว่าไม่น่านั่งเท่าไหร่หรอก…

นอกจากไม่มีรถไฟหรือรถบัสแล้ว การเห็นผู้คนยืนห้อยที่ท้ายรถแดง สร้างความประหลาดใจให้สองสาวญี่ปุ่นไม่น้อยเช่นกัน มันอเมซิ่งมากๆ

 

 

วกกลับมาที่เรื่องกินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเครื่องดื่ม สองสาวบอกว่าเครื่องดื่มในเมืองไทยหวานมากๆ ซึ่งเจ้าของกระทู้เองก็รู้สึกได้ นอกจากสั่งหวานน้อยเท่านั้นจึงจะได้เครื่องดื่มที่ไม่หวานจัด

สำหรับเครื่องดื่มในญี่ปุ่นค่อนข้างมีรสจืด บางทีก็จืดซะจนไม่อร่อย แต่คนญี่ปุ่นอาจจะชอบแบบนั้นมากกว่าก็ได้ มิน่าล่ะ ถึงบอกว่าเครื่องดื่มของไทยมีรสหวานเกินไป

 

 

ต่อด้วยอาหารมื้อหลัก สองสาวสงสัยว่าทำไมอาหารไทยคือมีรสเผ็ดทุกอย่างเลย? คำตอบคือเป็นเพราะความบังเอิญและความผิดพลาดของเจ้าของกระทู้เองที่พาทั้งคู่ไปร้านจุ่มแซ่บๆ น้ำซุปมันก็เผ็ด น้ำจิ้ม (น้ำจิ้มแจ่วกับน้ำจิ้มซีฟู้ด) ก็เผ็ด

ขนาดเจ้าของกระทู้สั่งข้าวผัดกุ้งมา กะว่าจะเอามาดับเผ็ด ที่ไหนได้กลายเป็นว่าเมนูข้าวผัดกุ้งของร้านนี้เป็นข้าวผัดน้ำพริกไป กินเผ็ดวนไปสิงานนี้

 

 

มาที่ประสบการณ์อันน่าประทับใจบ้าง ทั้งคู่บอกว่าสาวไทยสวยและหุ่นดีมาก คือปกติเรามักจะมองว่าสาวญี่ปุ่นน่ารักและผิวดี ขณะเดียวกันคนญี่ปุ่นก็มองว่าสาวไทยสวยและหุ่นดีเช่นกัน

 

 

อีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนสาวทั้งสองคนชอบคือโคมลอย ในญี่ปุ่นก็มีนะแต่พวกเขาบอกว่าปล่อยไม่ได้เพราะมันค่อนข้างอันตราย

เมื่อมาไทยก็เลยกะจะปล่อยให้เต็มซะหน่อย แต่หารู้ไม่ว่ามันคือสิ่งที่เจ้าของกระทู้หลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะเคยมีโคมลอยตกใส่หลังคา ทำให้เขาต้องปีนหลังคาแล้วเอาน้ำฉีดให้ดับ จากนั้นก็กลายเป็นคนไม่ชอบโคมลอยเลย

แต่วันนี้จำใจต้องไปปล่อยโคมลอย เพราะสองสาวดันชอบมากๆ สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ไม่พ้นคำถามจากทั้งคู่คือ “แล้วโคมลอยที่มันตกลงพื้น มันจะไม่กลายเป็นขยะเหรอ ?”

 

 

จริงๆ เจ้าของกระทู้จะพาสองสาวไปนั่งชิลๆ ที่อ่างแก้ว มช. ต่อ แต่เกิดความผิดพลาดนิดหน่อย ทำให้ทริปเชียงใหม่ 1 วันของสองสาวจบลงเพียงเท่านี้

ตอนนี้ทั้งคู่เดินทางกลับไปโตเกียวเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะได้ทั้งประสบการณ์ที่ประทับ แปลกใจ รวมทั้งเรื่องที่พวกเขารู้สึกไม่ดี

แต่ก็หวัังว่าประเทศไทยและเมืองเชียงใหม่จะอยู่ในความทรงจำของพวกเขาไปอีกนาน โดยก่อนกลับพวกเขาบอกว่ายังไงก็จะกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้ ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือเล่น แต่ในฐานะคนเจ้าถิ่นฟังแล้วก็ดีใจนะ

 

 

ที่มา pantip

Comments

Leave a Reply