หากกล่าวถึงชื่อ ‘โรนัลโด้’ เหล่าแฟนๆ คอบอลทั้งหลายคงคิดว่าในบรรดาเหล่านักเตะที่ดีที่สุดในโลกนั้นมีอยู่แค่ 2 คน ซึ่งก็คือ R9 และ CR7 เท่านั้น
แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกคนหนึ่ง ชายผู้นั้นก็คือ โรนัลโด้ เดอ แอสซิส โมเรย์ร่า (Ronaldo de Assis Moreira) หรือที่เรารู้จักกันในนาม เจ้าเหยินน้อย โรนัลดิญโญ่ นั่นเอง
ในวงการฟุตบอลเขาคือชายผู้ที่มีแต่คนรัก เพราะความรักที่มีต่อฟุตบอลจากใจจริงทำให้เขามักจะยิ้มแย้มเสมอเมื่ออยู่ในสนาม….
เรื่องราวของ โรนัลดิญโญ่ เริ่มต้นขึ้นในปี 1980 ที่เมือง Porto Alegre ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศบราซิล ในยุคสมัยที่สภาพสังคมไม่ค่อยสู้ดีนัก, การคอร์รัปชัน, อาชญากรรม, และ การแบ่งชนชั้นทางสังคม
ครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าอยู่ในชนชั้นกลาง มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 4 คนด้วยกัน คือพ่อ แม่ ตัวเขา และพี่ชายที่มีอายุมากกว่า 9 ปี ภายหลังคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ส่งผลให้แม่ที่ทำอาชีพเป็นนางพยาบาลต้องเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงลำพัง
แรงบันดาลใจที่ทำให้โรนัลดิญโญ่หันมาสนใจฟุตบอลนั้นมาจาก โรแบร์โต้ ผู้เป็นพี่ชายที่ภายหลังกลายเป็นเสาหลักของบ้าน เขาใช้สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ซึ่งก็คือ ‘ฟุตบอล’ ในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวโมเรย์ร่า
โรแบร์โต้เล่นฟุตบอลในตำแหน่งมิดฟิลด์ แม้จะตัวเล็กแต่ก็มีฝีเท้าที่สุดยอด และเขาก็เป็นต้นแบบของสุดยอดตำนานลูกหนังชาวบราซิล อย่าง จูนิญโย่ แปร์นัมบูคาโน่ ชายผู้พา โอลิมปิค ลียง จารึกประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ 7 สมัยรวดเลยทีเดียว!!
โรแบร์โต้เดินทางค้าแข้งไปทั่วทวีปยุโรปทั้ง สวิตเซอร์แลนด์, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, และ เม็กซิโก ความสำเร็จในชีวิตการค้าแข้งของพี่ชายเป็นแรงผลักดันให้ ‘เจ้าเหยินน้อย’ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางลูกหนัง
จากคำแนะนำและการช่วยเหลือของพี่ชายผู้เป็นดั่งไอดอล เป็นโค้ชคอยสอนและให้คำแนะนำต่างๆ จากเด็กตัวน้อยๆ ที่ชอบออกไปเล่นฟุตบอลตามข้างถนน สนามเล็กๆ ในหมู่บ้าน หรือตามชายหาด ในวัย 7 ปี โรนัลดิญโญ่ก็เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพ
เขาเซ็นสัญญาในการเป็นนักเตะเยาวชนครั้งแรกกับทีมสโมสร Grêmio ที่อยู่ในเมืองบ้านเกิด และเรื่องที่สร้างตำนานให้กับเขาก็คือในอีก 6 ปีต่อมา ด้วยวัย 13 ปี กับการลงแข่งขันกับทีมคู่แข่งในเมืองอย่าง Sport Clube Nacional ไป 23-0 และ โรนัลดิญโญ่คือคนที่ทำประตูทั้งหมดเพียงคนเดียว!!
ในปี 1997 ถือเป็นอีก 1 ก้าวสำคัญในชีวิตค้าแข้งของเจ้าเหยินน้อย เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลในชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ในชุดนั้นประกอบไปด้วยนักเตะชื่อดังมากมายทั้ง อิเค่ร์ คาซิยาส, เกเบรียล มิลลิโต้, หรือเซดู เคต้า ก่อนที่จะคว้าแชมป์โลกในชุดต่ำกว่า 17 ปีไปครอง
และหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในทัวร์นาเม้นท์นี้ก็คือ ‘เจ้าเหยินน้อย’ จากนั้นเขาก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นอ่างต่อเนื่อง ทั้งการเล่นที่งดงาม การเฟิร์สทัชที่สุดยอด จนในที่สุด เอดิญโญ่ ผู้จัดการทีมของสโมสร Grêmio ตัดสินใจเรียกตัวขึ้นมาติดชุดใหญ่ในปี 1999
ในฤดูกาลแรกโรนัลดิญโญ่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำประตูไปทั้งหมด 23 ลูก จากการลงเล่น 48 นัดในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกตามรอยของพี่ชาย ก่อนที่จะถูกยักษ์ใหญ่จากยุโรปอย่าง Arsenal และ Manchester United ให้ความสนใจ แต่ท้ายที่สุดเขากลับเลือกที่จะไปเริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งในยุโรปที่ฝรั่งเศสกับทีม Paris Saint-Germain
ที่ ลีกเอิง ดูเหมือนจะเป็น ‘โรงเรียน’ เสียมากกว่า โรนัญดิญโญ่ได้เรียนรู้ทุกอย่างเท่าที่จำเป็นเกี่ยวกับเรื่องชีวิตค้าแข้งอยู่นานหลายหลายปี….
ในปี 2002 ทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลกไปครอง และโรนัลดิญโญ่ก็เป็นผู้ฝากประตูสุดสวยจากการยิงฟรีคิกข้ามหัวของ เดวิด ซีแมน ให้คนทั้งโลกได้จดจำ แม้ใครๆ จะบอกว่าลูกนั้นฟลุคแต่เขาก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมว่า ‘ตัวเองตั้งใจยิง’
จนในที่สุดก็ได้ย้ายไปยังยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลัน Barcelona ในปี 2003 ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดที่พวกเขาเคยจ่าย ณ ขณะนั้น
ที่ คัมป์นู เป็นจุดสูงสุดของชีวิตค้าแข้งของเจ้าเหยินน้อยเลยก็ว่าได้ 2 แชมป์ลาลีกา 1 แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคส์ กับรางวัลส่วนตัว ‘บัลลงดอร์’ หรือรางวัลลูกโลกทองคำ ที่นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้นจะได้ไปครอบครอง
เท่านั้นยังไม่พอ เขายังเป็นนักฟุตบอลที่ถูกแฟนบอลทีมอริอย่าง Real Madrid ลุกขึ้นปรบมือ ‘สแตนดิ้ง โอเวชั่น’ ให้ในเกม ‘เอล กลาซิโก้’ เพราะเล่นได้อย่างประทับใจ แม้ว่าเกมนั้นเจ้าบ้านจะพ่ายไปถึง 3-0 ด้วยกัน
เขาเข้ามาสร้างเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อมากมายที่คัมป์นู แล้วจากไปอย่าง ‘ตำนาน’…
ในปี 2008 ทีมปีศาจแดงดำ AC Milan ยักษ์ใหญ่แห่ง ซีเรีย อา ได้ซื้อตัวเขาไป และไปคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2010-2011 ก่อนที่จะย้ายกลับบ้านเกิดที่บราซิลในปีหลังจากนั้น
โรนัลดิญโญ่ยังคงเล่นฟุตบอลต่อเป็นเวลาหลายปี แต่เราก็ยังคงได้เห็นภาพของเขาอยู่เสมอตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือหน้าเว็บไซต์ข่าวฟุตบอล และภาพเหล่านั้นจะเต็มไปด้วยใบหน้าของชายผู้ยิ้มแย้มในชุดเสื้อผ้ากีฬาฟุตบอล
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ทุกอย่างได้จบลงแล้ว…โรแบร์โต้ ผู้เป็นพี่ชายได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เขาหยุดแล้ว…มันสิ้นสุดลงแล้ว” โรนัลโด้ เดอ แอสซิส โมเรร่า ได้ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 37 ปี
ขอขอบคุณที่สร้างความสุขให้กับ ‘ฟุตบอล’ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายๆ คนทำตามความฝันและเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขนะ ^^
ที่มา : thesefootballtimes, dailymail เรียบเรียงโดย : #เหมียวหง่าว
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.