เด็กหญิงชาวจีนแบกพี่ชายผู้พิการไปโรงเรียนทุกวัน เพราะอยากให้พี่ได้เรียนหนังสือด้วยกัน

นอกจากพ่อแม่ที่รักเรามากที่สุดแล้ว พี่น้องสายเลือดเดียวกันเป็นอีกคนที่ไม่อยากเห็นเราเจ็บ ไม่อยากเห็นเราลำบาก แต่อยากเห็นเรามีความสุขในทุกๆ วัน

เหมือนกับ Zhou Dingshuang เด็กหญิงวัย 9 ขวบจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้กับพี่ชายผู้พิการที่มีปัญหาในการใช้มือใช้ขาตั้งแต่เกิด

 

 

น้องสาวแสนดีคนนี้ไม่เพียงแค่ป้อนข้าว ป้อนน้ำ หรืออาบน้ำให้น้อง แต่เธอยังแบกพี่ชาย Zhou Dingfu วัย 12 ปี ไปโรงเรียนทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันที่ฝนตก แดดออก หิมะตก หรือวันที่ลูกเห็บตก

เธอบอกกับผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น Wenshan ว่า “หนูจะไม่ปล่อยพี่ไว้ตามลำพังค่ะ และหนูจะเป็นไม้เท้าให้พี่ตลอดไป”

 

 

Dingshuang และ Dingfu เรียนอยู่ชั้นเดียวกันที่โรงเรียน Central School of Heizhiguo County ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเดียวที่ดูแลพี่ชายตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง

ทุกๆ เช้า เด็กหญิงจะล้างมือล้างหน้าให้พี่ชาย ช่วยเขาแต่งตัว ก่อนจะแบกเขาขึ้นหลังและพาไปโรงเรียนด้วยกัน

 

 

ระหว่างทางไปโรงเรียน พวกเขาต้องข้ามถนนและขึ้นบันไดเพื่อจะไปยังห้องเรียน ที่สำคัญน้องสาวไม่เคยทำให้พี่ชายไปเรียนสายเลย แม้การเดินทางจะลำบากหรือสภาพอากาศจะเลวร้ายแค่ไหน

หลังจากเลิกเรียนแล้ว Dingshuang จะแบกพี่ชายกลับบ้าน ช่วยเขาทำการบ้านจนเสร็จก่อนจะไปช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านต่อ

 

 

ตอนนี้ Dingshuang กลายเป็นเสาหลักของบ้าน ทั้งๆ ที่เธออายุแค่ 9 ขวบเท่านั้น… ตามรายงานระบุว่าพ่อแม่ของเด็กหญิงพิการทั้งคู่ ดังนั้นเธอจึงต้องทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ซักผ้า ให้อาหารหมู และทำอาหาร

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ Dingfu อยู่ในวัยที่ต้องเข้าเรียน พ่อแม่กังวลมากๆ กลัวว่าเขาจะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ขณะที่ Dingshuang ไม่อยากเห็นพี่ชายต้องเสียโอกาสนั้น เธอเลยอาสาพาเขาไปโรงเรียนและพากลับบ้านทุกวัน

 

 

Liu Yan คุณครูในโรงเรียนของสองพี่น้องบอกว่า “ทางโรงเรียนได้เช่าหอพักไว้สำหรับสองพี่น้อง หลังจากที่ได้ทราบสถานการณ์ทางบ้านของพวกเขา นอกจากนี้ยังได้ลดค่าธรรมเนียมการศึกษาให้ด้วย เพื่อช่วยให้ครอบครัวพวกเขา”

ปัจจุบันหอพักของ Dingshuang และ Dingfu อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 500 เมตร แต่น้องสาวยังคงแบกพี่ชายมาโรงเรียนทุกวัน

 

 

น้องสาวช่วยพี่ชายทำการบ้าน

 

ไปให้อาหารหมู

.

 

และทำอาหารสำหรับคน 4 คน

 

ที่มา dailymail

Comments

Leave a Reply