สารคดีอาชญากรรม ฆาตกรผู้สังหารหญิงขายบริการ 49 ราย ก่อนที่จะบดร่างละเอียดปกปิดหลักฐาน…

ปกติแล้ว ฆาตกรเวลาลงมือฆ่าคนเสร็จ พวกเขามักจะทำลายหลักฐานด้วยกรนำศพไปถ่วงน้ำบ้าง เผาทิ้งบ้าง แต่สำหรับเขาคนนี้เลือกที่จะบดศพให้เละละเอียด

นี่คือสารคดีเรื่องราวของ Robert Pickton วัย 49 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู่ในประเทศแคนาดา ที่ลงมือฆ่าหญิงขายบริการกว่า 49 ราย

ร่างของหญิงขายบริการเหล่านั้นถูกบดจนเละก่อนจะนำไปให้หมูในฟาร์มกินและบางส่วนขายให้กับลูกค้า ซึ่งบางคนเป็นตำรวจท้องถิ่น ในที่สุดเขาจึงถูกจับในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2002 ปัจจุบันเขาอายุ 68 ปี และยังคงอยู่ในคุกที่รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา

อย่างไรก็ตามได้มีการเผยแพร่ตอนใหม่ของสารคดี Voice of A Serial Killer ที่ออกอากาศผ่านช่อง British network CBS Reality ในสหราชอาณาจักรเมื่อคืนวันพุธ ซึ่งเป็นข้อมูลเพิ่มเติมจากการตรวจสอบ รวมทั้งคำสารภาพของ Pickton ที่เล่าให้เพื่อนร่วมห้องขังฟัง

ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องขังคนนั้นคือสายลับจาก Royal Canadian Mounted เขาจึงพูดกับเพื่อนคนนั้นว่าเป้าหมายของเขาคือต้องการสังหารผู้หญิง 50 ราย…

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 ตอนที่ Pickton ถูกจับ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเจอข้าวของของผู้หญิงหลายรายที่หายไปในฟาร์มของเขา

หลังจากที่ถูกจับกุม ตำรวจพบร่องรอย DNA ของผู้หญิงที่หายไป 26 คน ซึ่งหลายคนเป็นหญิงขายบริการที่เขาพามาจากย่านโคมแดงของแวนคูเวอร์ เพื่อมีเซ็กส์กับเขาก่อนจะลงมือฆ่า

ส่วนวิธีการฆ่าผู้หญิงแต่ละคนนั้นมีหลายวิธีแตกต่างกัน ผู้หญิงบางคนถูกฉีดสารต่อต้านการแข็งตัวเข้าสู่ร่างกาย โดยบอกพวกเขาว่ามันเป็นยา ในขณะที่บางคนถูกแทงด้วยมีดจนตาย

ในระหว่างที่ถูกขังร่วมกับสายลับเขาได้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับการสังหารของเขา โดยในสารคดีผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมวิเคราะห์คำสารภาพแล้วบอกว่ามันช่างสยดสยองและไร้ความปราณี

คำสารภาพเริ่มขึ้นเมื่อ Pickton บอกว่ากับเพื่อนร่วมห้องที่เป็นสายลับว่า “พวกเขาจับผมเพราะเจอ DNA” สายลับจึงบอกเขาว่า “วิธีที่การอำพรางศพที่ดีที่สุดคือการเอาไปทิ้งในมหาสมุทร” แต่เขากลับตอบว่า “ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น…โรงงานผลิตเนื้อสัตว์ไง”

เขาพูดต่อไปว่า “ผมก็แค่บดมันในตอนท้าย ซึ่งเหลืออีกแค่คนเดียวก็จะครบ 50 รายแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดที่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น”

ในสารคดี นักเขียนข่าวอาชญากรรม Wensley Clarkson บอกว่า “Pickton เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ทำให้ Texas Chainsaw Massacre ดูเหมือนดิสนีย์แลนด์ไปเลย”

“เขาไม่มีอะไรที่โดดเด่นเลย เขาไม่ค่อยรักษาความสะอาด จัดงานเต้นรำในโรงนากับพวกแก๊งซิ่ง ผู้หญิง และดื่มแอลกอฮอล์”

คนในพื้นที่จะรู้จักเขาดีในฐานะคนที่ชอบใช้บริการผู้หญิงขายบริการและชอบผู้หญิงพื้นเมืองเป็นพิเศษ แต่แล้วก็มีผู้หญิงจำนวนมากหายไปและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

Pickton หนีตำรวจมาเป็นเวลาหลายปี โดยในระหว่างปี 1991-2002 เชื่อว่าเขาได้สังหารผู้หญิงไปกว่า 49 ราย เหมือนที่เขาเล่าให้เพื่อนร่วมห้องขังฟัง

ตอนแรกตำรวจพบหลักฐานแค่ 6 ราย ก่อนจะเพิ่มขึ้นอีก 20 รายในเวลาต่อมา โดย DNA ของผู้หญิงเหล่านี้ถูกพบในสถานที่ Pickton และคนในท้องถิ่นเรียกว่า Piggy Palace ซึ่งเป็นที่ที่เขามักดื่มเหล้าและเสพยา

หลังจากที่ฆ่าผู้หญิงแล้ว เขาก็จะนำศพพวกเขาไปยังโรงงานผลิตเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นที่รกร้าง ก่อนจะทำการบดและแพ็กขายให้กับลูกค้าประจำของฟาร์มของเขา

คนที่ไปเห็นโรงงานของเขาในภายหลังบอกว่ามันสกปรก เขาจับเนื้อหมูด้วยมือเปล่า โดยเอาเนื้อบดของเหยื่อบางส่วนให้หมูของเขา

ในช่วงหลายปีก่อนถูกจับ มีคนร้องเรียนเรื่องของ Pickton หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบก็ไม่พบหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดเขาได้

ในปี 1997 ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะถูกสังหารหนีออกมาจากฟาร์มได้ หลังจากที่ใช้มีดแทงเขาคืนหลายครั้ง

ผู้หญิงคนดังกล่าวหนีออกมาหาตำรวจในสภาพเปลือยและแจ้งให้ตำรวจทราบเกี่ยวกับสิ่่งที่ถูก Pickton กระทำมา แต่ครั้งนั้นตำรวจไม่ได้ออกหมายจับเขา โดยให้เหตุผลว่าคำพูดของผู้หญิงคนนี้ไม่น่าเชื่อถือ

แต่ในภายหลังตำรวจก็จับ Pickton ในที่สุดและยอมรับจริงๆ พวกเขาควรจะจับตัวเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว…

จากการสอบสวนพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาลงมือฆ่าเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันหรือชาวพื้นเมือง นั่นส่งผลให้ครอบครัวของเหยื่อกลัวว่าคดีจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงเพราะเรื่องเชื้อชาติของพวกเขา

Pickton ถูกจำคุกตั้งแต่ปี 2002 กระทั่งปี 2016 เขาออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเขียนหนังสือ Pickton: In His Own Words จากในคุก ซึ่งมีเนื้อหาว่าเขาเป็นแพะรับบาปและตำรวจโยนความผิดเกี่ยวกับการหายตัวไปของผู้หญิงเหล่านั้นให้กับคนคนเดียว

หนังสือเล่มนี้ถูกวางขายใน Amazon แต่เพียงไม่นานก็ถูกนำออกจากเว็บไซต์ เนื่องจากถูกครอบครัวของเหยื่อออกมาต่อต้าน

อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างของ Pickton ในครั้งนั้น ทำให้ผู้คนทั่วโลกพากันตกใจ และได้มีการเรียกร้องให้ทางแคนาดาลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีในปี 2010 เพื่อทำให้วงการนี้ปลอดภัยสำหรับแรงงานและทำให้ถูกกฎหมาย