ในบางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนกับถูกครอบงำด้วยความคิดด้านลบ จนเกิดความรู้สึกสับสนในตัวเองและมีปัญหาต้องการตัดสินใจในเรื่องผิดชอบชั่วดี เหมือนอย่างชายชาวรัสเซียคนนี้ที่ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่โหดร้าย เพราะว่าจมไปกับด้านมืดของจิตใจตัวเอง
นี่คือเรื่องราวสุดสะเทือนใจของฆาตกรหนุ่มวัย 19 ปีที่ชื่อว่า Artyom Iskhakov เขาอาศัยอยู่กับแฟนเก่าของเขา Tatiana Strakhova ก่อนที่จะฆาตกรรม ข่มขืนศพของเธอ และเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พ่อแม่ของเขาและเธอฟัง จากนั้นจึงฆ่าตัวตายตามไป
Tatiana และ Artyom วัย 19 ปี ผู้เคยคบหาเป็นแฟนกันมาก่อน
เรื่องราวอันแสนเศร้านี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ Artyom หนุ่มโปรแกรมเมอร์ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย Bauman เลิกคบกับแฟนสาวของเขา Tatiana สาวหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยวิจัยนานาชาติมอสโก
แม้จะเลิกกันแล้วแต่ทั้งคู่ยังคงแชร์ห้องเช่าด้วยกัน หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็มีแฟนใหม่เป็นหนุ่มจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชื่อว่า Igor
ความอึดอัดที่ต้องอยู่ด้วยกันในสถานะที่เปลี่ยนไป Artyom จะถูกปฏิเสธเสมอเวลาที่เขาชวนเธอไปดื่มด้วยกัน แถมยังต้องทนเห็นแฟนเก่าของตัวเองจู๋จี๋อยู่กับแฟนใหม่ที่เป็นเพื่อนของเขา นั่นจึงทำให้เขารู้สึกรำคาญและโมโหอย่างมาก จนไม่อาจเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้
ชายหนุ่มต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเธออย่างมาก มันจึงกลายเป็นแรงขับให้เขาทำสิ่งที่โหดร้ายลงไปในวันหนึ่ง ตอนที่หญิงสาวกลับมาที่ห้องเช่า
เขาพุ่งเข้าไปหาเธอ ต่อยเข้าไปที่หน้าของเธออย่างจัง จนหญิงสาวล้มลงไปนอนกับพื้น จากนั้นเขาก็ต่อยเธอไปอีกหลายครั้ง ทำให้มีเลือดไหลออกมาจากปากของเธอ
Tatiana บอกให้เขาลุกออกไป แต่ในตอนนั้นเขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้แล้ว ชายหนุ่มบีบคอแฟนเก่าเอาไว้แน่นจนกระทั่งเธอหมดสติไปในเวลาเพียงไม่นาน
หลังจากนั้นเขาจึงทำการข่มขืนเธอ และก่อนที่จะเสร็จกิจทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็รับรู้ว่าหัวใจของหญิงสาวยังคงเต้นอยู่ เธอยังไม่ตาย
เมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ เขาจึงตัดสินใจบีบคอของเธอเอาไว้แน่นก่อนที่จะนำมีดในห้องครัวมาปาดคอหญิงสาว เลือดไหลออกมาจากปากแผลเป็นจำนวนมาก แต่หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นอยู่
สุดท้ายแล้วเขาจึงใช้มีดแทงเข้าไปที่บริเวณซี่โครงซ้ายของหญิงสาวอีกสองที จนแน่ใจว่าเธอจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ
แต่ความป่าเถื่อนไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากที่เธอตายไปแล้ว Artyom ก็ยังข่มขืนศพของเธออีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจเขียนเรื่องราวทั้งหมด ทั้งความรู้สึกของเขาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ลงในโซเชียลมีเดียส่งไปให้กับพ่อแม่ของเขาและเธอได้รับรู้
จากข้อความที่เขาเขียนนั้นยังเล่าต่อไปว่า “ผมใช้ถุงน่องของเธออุดปากศพเอาไว้ ทำให้ไม่มีเลือดไหลออกมาให้เห็นหรือเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากร่างอันไร้วิญญาณของเธออีก”
เขายังบอกอีกว่า “ผมเอาเชือกที่ซื้อมาหวังจะใช้ในการมัดแบบ Shibari (การใช้เชือกมัดหญิงสาวแบบญี่ปุ่น) มามัดคอของเธอเอาไว้ แล้วผมก็เดินเข้าห้องครัวไปหาอะไรกิน”
หลังจากที่เขากินแซนด์วิชไปเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนอีกไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็กลับมาข่มขืนศพอีกครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นเขาบอกว่า “ตัวเธอเย็นมาก เหมือนอย่างที่เธอเย็นชาใส่ผมมาโดยตลอด”
เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้ถูกส่งไปหาพ่อแม่ของหญิงสาว โดยชายหนุ่มต้องการให้พวกเขาเหล่านั้นยกโทษให้กับสิ่งที่เขาทำลงไป เขารู้สึกละอายใจอย่างมากและบอกลงไปในข้อความว่า “ยกโทษให้ผมด้วยที่พรากลูกสาวคนเดียวของพวกคุณไป”
“ผมรักเธอมากจริงๆ มาในตอนนี้ผมเข้าใจว่าแล้วว่าผมทำเรื่องที่แย่มากจริงๆ ผมรู้สึกเย็นยะเยือก มือของผมก็เริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ” สิ่งที่เขาเขียนลงไปในข้อความ
Artyom รู้สึกสะอิดสะเอียนที่ตนเองไปมีอะไรกับศพของแฟนเก่า เขาจึงบอกกับพ่อแม่ของเธอว่า “ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากการฆ่าตัวตาย”
เขาบอกทิ้งท้ายว่า “ผมทำลายความสุขของใครหลายๆ คน แล้วมันเพื่ออะไรกัน? สุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือความว่างเปล่าที่จะกลืนกินผมไปในไม่ช้า ผมรู้สึกโมโหตัวเองมากที่คิดแต่จะมีอะไรกับเธอ จนถึงกับฆ่าเธอในที่สุด”
หลังจากที่มีข้อความนั้นออกมา ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเขาก็ได้โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียอีกครั้งว่า “ผมได้กลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย? ขอโทษนะ แต่ผมไม่สามารถชดใช้ความผิดที่ทำไปได้เลย”
ชายหนุ่มเล่าว่า เขาเดินไปจูบหน้าผากแฟนเก่าที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ร่างกายของเธอเย็นเฉียบ เขาบอกลากับร่างของหญิงสาวเป็นครั้งสุดท้าย ส่งข้อความอธิบายทุกคนว่าจะสามารถหาศพเจอได้ที่ไหน แล้วจึงตัดสินใจแขวนคอตายตามไปในที่สุด
เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้มีแค่พ่อแม่ของหญิงสาวที่รับรู้ แต่เขายังเล่าให้กับพ่อแม่ของตัวเองฟังอีกด้วย โดย Artyom ได้เขียนข้อความทิ้งท้ายก่อนจบชีวิตไปบอกกับครอบครัวตัวเองว่า “ผมทำให้พวกคุณรู้สึกผิดหวังมากจริงๆ ผมไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว ช่วยนึกถึงเรื่องราวดีๆ ของผมบ้างในบางครั้ง ผมไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะจบลงแบบนี้”
.
เรื่องราวที่น่าเศร้านี้ถูกรายงานผ่านสำนักข่าว Daily Mail เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2018 และปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบศพของทั้งสอง
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.