พวกเราบางคนอาจเคยรู้กันมาก่อนแล้วว่า ใน ประเทศจีน นั้นจะมีการควบคุมและสั่งห้ามสิ่งต่างๆ เอาไว้หลายต่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของภาพยนตร์ที่จะถูกนำเข้าไปฉาย หรือแม้แต่การสั่งห้ามเครื่องเล่นเกมคอนโซลทุกชนิดมาตลอดจนถึงปี 2014
จากบรรดาข้อห้ามมากมายของพวกเขานั้น ในวันนี้รัฐบาลจีนตัดสินใจออกมาประกาศผ่านทางสื่อต่างๆ ในประเทศว่า พวกเขาจำเป็นต้องแบน เพลงแรป ไม่ให้มีในโทรทัศน์หรือในวิทยุอีกต่อไป เนื่องจากเนื้อหาของเพลงที่มีความหยาบคายมากเกินไป
การประกาศนี้กลายเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ เพราะเพลงแรปในประเทศจีนก็ถือว่าได้รับความนิยมอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
ทางการบอกว่า “พวกเราจะทำการสั่งห้ามดาราคนดังที่มีรอยสัก วัฒนธรรมฮิปฮอป (รวมถึงการแรป) และเนื้อหาแปลกๆ ทุกอย่าง ไม่ให้มีการเผยแพร่ในโทรทัศน์หรือวิทยุอีกต่อไป”
พวกเขาให้เหตุผลว่า เพลงแรปนั้นมีเนื้อหาที่หยาบคาย มีการพูดถึงเรื่องการใช้สารเสพติด เนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องเพศและการเหยียดเพศตรงข้าม
ข้อห้ามใหม่ทำให้เหล่าแรปเปอร์ทุกคนต้องเจอกับปัญหาที่ว่า ผลงานของตัวเองไม่สามารถถูกเผยแพร่ออกไปทางทีวีหรือวิทยุได้อีกต่อไป ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ PG One แรปเปอร์ชื่อดังที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เขาก็จะไม่ได้โผล่ออกมาในทีวีให้ทุกคนได้เห็นเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
แรปเปอร์ชื่อดังในจีน PG One
ในขณะที่มีการแบนแรปเปอร์ในประเทศของตัวเอง ทางรัฐบาลก็ยังแบนเพลงป็อปที่มีท่อนแรปใส่เข้าไปอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับไม่มีการประกาศออกมาว่าจะแบนเหล่าดาราฮิปฮอป แรปเปอร์ต่างประเทศที่นำผลงานเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ผู้คนอีกฝั่งหนึ่งมองว่า เนื้อหาที่หยาบคายเป็นเพียงของอ้างของรัฐบาล เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาสั่งห้ามเพราะเนื้อหาของเพลงมีการพูดถึงการต่อต้านความคิดระบบเผด็จการ ทำให้คนใหญ่คนโตของประเทศรู้สึกไม่ค่อยพอใจกันซักเท่าไหร่
การควบคุมสื่อภายในประเทศจีน สามารถเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียที่มีเฉพาะของประเทศ การสั่งห้ามเผยแพร่ในหลายๆ เรื่อง จนในที่สุดก็ลามมาถึงแนวดนตรี
รัฐบาลสั่งแบนแค่เพลงแรปในประเทศ แต่ไม่ได้แบนเพลงที่มาจากต่างประเทศ
ชาวเน็ตหลายๆ คนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อห้ามใหม่นี้เอาไว้ว่า
“ประเทศจีนเข้มงวดมากเกี่ยวกับเรื่องสารเสพติด ถ้าใครเคยติดตามประวัติศาสตร์ของประเทศนี้มาก็คงจะรู้กันดีนะ เรื่องการสั่งห้ามครั้งนี้ก็คงไม่แปลกหรอก”
“ต่อไปคงมีการแบนเพลงร็อกหรือเมทัลบ้างล่ะนะ”
“รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นการกดขี่ในเรื่องของวัฒนธรรม ทำให้บ้านเมืองเหลือแต่ความล้าสมัยและมันสร้างผลกระทบที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย”
ในอนาคตหลังจากนี้ เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าข้อห้ามดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่าทุกๆ อย่างย่อมมีผลกระทบเสมอ แถมผลกระทบในครั้งนี้ก็ดูจะเป็นที่ไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่ของใครหลายๆ คนอยู่เหมือนกันนะ
ที่มา: rocketnews24
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.