หญิงสาวเจอสุนัขถูกทิ้งไว้ พร้อมกับป้ายชื่อที่บอกเล่าถึงเจ้าของที่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้

Payden Trujillo เล่าเรื่องราวของเธอกับเจ้าหมาแสนรักของเธอ ที่ตอนนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ทุกคนรักและเอาใจใส่มันเป็นอย่างดี

ค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บในเดือนมกราคมเมื่อ 2 ปีก่อน Payden ได้ขับรถฝ่าหิมะที่กำลังตกอย่างในบนถนนหลวงในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เธอก็ต้องเบรกรถอย่างกระทันหันเมื่อมีเจ้าสิ่งดำๆ วิ่งมาตรงหน้ารถของเธอ

โชคดีที่เธอเบรกทันและไม่ชนกับเจ้าสิ่งนั้นเข้า เธอรีบลงรถลงมาดู ปรากฏว่ามันคือเจ้าหมาน้อยตัวผอมท่าทางกำลังหวาดกลัวและเนื้อตัวเย็นเฉียบ

 

 

เธอจึงเอาขนมที่อยู่ในรถล่อมันเข้ามาเพื่อทำการช่วยเหลือ เธอคิดว่ามันอาจจะหลวงทางกับเจ้าของ เธอเหลือบไปเห็นป้ายห้อยคอของมันจึงพลิกดูเผื่อจะเจอข้อมูลติดต่อเจ้าของ แต่ก็พบข้อความบนป้ายห้อยของของมันว่า

“ฉันชื่อ ลิลลี่ ถ้าคุณเจอฉัน โปรดรับเลี้ยงฉัน” เมื่อพลิกดูอีกด้านก็พบกับข้อความอีกข้อความหนึ่งว่า “ครอบครัวของฉันไม่สามารถเลี้ยงได้ และฉันต้องการความรัก”

 

.

 

หลังจากที่ได้อ่านป้ายแล้วเธอก็ออกตามหาเจ้าของของมันแถวนั้น แต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย ครอบครัวเก่าของมันเลือกใช้วิธีนี้แทนที่จะฆ่ามัน

 

 

เธอกับน้องสาวที่ชื่อว่า Mercedes Trujillo จึงตัดสินใจรับเลี้ยงเจ้าลิลลี่ เพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหมาต้องการมากที่สุดคืออะไร มันคือความรักและอาหาร เนื่องจากร่างกายที่ผ่ายผอมของมัน และบาดแผลจากการโดนหิมะกัด

ทันทีที่เจ้าลิลลี่ได้รับการเลี้ยงดู จากท่าทีที่หวาดกลัวก็เปลี่ยนไป มันเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น แต่ทว่ามันคงจะกลัวการถูกทอดทิ้งมาก มันดูวิตกกังวลมากทุกครั้งที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพัง มันจะอาละวาดและทำลายข้าวของ

 

 

นิสัยของมันทำให้ครอบครัวไม่อยากจะรับเลี้ยงมันต่อไป แต่ Mercedes ก็ยังยืนยันที่จะเลี้ยงมันต่อไป เธอเชื่อว่าถ้ามันได้รับการฝึกที่ดีมันจะไม่ทำนิสัยแบบนี้อีก

หนึ่งปีต่อมา Mercedes ย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แน่นอนว่าเธอต้องเอาเจ้าลิลลี่ไปด้วย เธอทำงานพิเศษเพื่อแลกกับที่อยู่อาศัยของเจ้าลิลลี่

 

 

ที่อยู่ใหม่ของมันกว้างขวางและมีเพื่อนเล่นอีกมากมาย ดูเจ้าลิลลี่จะชอบที่นี่มากๆ มันดูมีความสุขที่ได้วิ่งเล่นในที่กว้างๆ บางครั้งมันก็ได้ออกไปผจญภัยในที่ต่างๆ มันจึงคลายปมที่อยู่ในจิตใจและกลายเป็นหมาที่น่ารักสำหรับทุกคน และเป็นสิ่งที่มีค่าต่อจิตใจของ Mercedes ตลอดไป

 

.

 

ที่มา thedodo

Comments

Leave a Reply