พวกเราส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เราควรจะต้องนอนหลับให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมงเพื่อการพักผ่อนที่เพียงพอ แต่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าอัจฉริยะหลายๆ คนที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็น Leonardo Da Vinci หรือ Nikola Tesla นั้นใช้เวลาในการนอนต่อวันแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้น
นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้หนุ่มนักเขียนในเว็บไซต์ Bright Side ตัดสินใจลองนอนหลับเหมือนอย่างอัจฉริยะเหล่านั้นดูบ้าง เพื่อต้องการทราบว่าสุดท้ายแล้วมันจะส่งผลต่อการทำงานของร่างกายและสมองมากขนาดไหน
Da Vinci หนึ่งในอัจฉริยะที่บอกว่าตนเองนอนแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนหลับของเหล่าอัจฉริยะนั้นถูกเรียกว่าการนอนหลับแบบ Polyphasic หรือการแบ่งให้ตัวเองนอนหลายๆ ครั้งต่อวัน ชายหนุ่มจึงแบ่งเวลาการนอนของตัวเองเป็น 3 ครั้ง นั่นคือการนอนตอนกลางคืนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ตี 1 ครึ่ง ถึงตี 5 ครึ่ง จากนั้นก็จะนอนพัก 25 นาทีตอนช่วงหลังอาหารกลางวัน และหลังจากการทำงานกลับมาบ้าน
ชายหนุ่มเริ่มต้นแผนการนอนหลับของตัวเอง โดยเขาจำเป็นต้องพกที่อุดหูและผ้าปิดตาไปทำงานด้วย เพื่อใช้ในการบังคับให้ตัวเองนอนหลับตอนหลังกินข้าวกลางวันไป ซึ่งเขาก็เคยถูกเตือนมาแล้วว่าการวางแผนในครั้งนี้จะทำให้เขาต้องตกอยู่ใน “ภาวะซอมบี้” ซัก 2 สัปดาห์กว่าจะเป็นปกติ และเขาก็คิดว่ามันคงจะต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ
แถบสีแดงคือช่วงเวลาที่เขากำหนดเอาไว้ให้กับการนอนหลับ
เขาได้ทำตามแผนการของตัวเองไปจนถึงวันที่ 3 แต่ก็ยังคงไม่รู้สึกถึงความแตกต่างใดๆ และมองว่ามันค่อนข้างจะน่าเบื่อซะด้วย ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามฝืนตัวเองจนก้าวผ่านความรู้สึกนั้นไปได้ แม้ว่าจะยังคงเหลือความเหนื่อยอ่อนและมีการเหม่อลอยไปบ้าง
แล้วการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นก็เกิดในวันที่ 5 เป็นต้นไป เขาเริ่มที่จะสามารถหลับไปได้เองในช่วงหลังพักกลางวัน 25 นาที ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิม ส่วนตอนกลางคืนเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีเวลาว่างมากพอให้ได้ทำอย่างอื่นเช่นการอ่านหนังสือหรือวารสารต่างๆ
เวลาผ่านไป ทำให้ร่างกายของเขาสามารถปรับตัวกับการนอนแบบนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เขารับรู้ได้ถึงการทำงานของสมองที่ดีมากยิ่งกว่าเดิม แถมยังสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าที่ตัวเองวางแผนเอาไว้ในตอนแรกเสียอีก
การนอนพักเบรค 25 นาทีหลังพักกินข้าวกลางวัน
เมื่อมาถึงสัปดาห์ที่สองของการทำตามแผน เขาก็รู้สึกว่าสมองสามารถสั่งการและฟื้นฟูได้ในเวลาที่ต้องการ มีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้เขาสามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และก้าวผ่านแต่ละวันไปได้แบบสบายๆ
จนกระทั่งเขายุติการทำตามแผนลงในวันที่ 14 และปล่อยให้ร่างกายของตัวเองเลือกเวลาในการพักผ่อนของมันเอง ผลกลายเป็นว่าเขาใช้เวลานอนตอนกลางคืนเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ประสิทธิภาพการทำงานยังคงเดิม แต่ด้วยเวลาการนอนที่น้อยในช่วงกลางคืน เขาจึงเพิ่มการนอนพักตอนกลางวันเป็น 3 ครั้งแทน
ชายหนุ่มสามารถทำตามสิ่งที่ตัวเองวางแผนเอาไว้ได้ในแต่ละวัน
เขาได้พูดถึงข้อดีที่ได้รับจากการนอนแบบนี้เอาไว้ว่า มันช่วยให้สมองของเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีเวลาว่างให้ได้ทำสิ่งต่างๆ ตื่นเองได้โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก และกินอาหารที่เป็นประโยชน์มากกว่าเดิม เพราะหากกินอาหารที่แน่นจนเกินไปจะทำให้เขาไม่สามารถบังคับตัวเองให้นอนหลับได้นั่นเอง
ในส่วนของข้อเสียนั้นเขาบอกไว้ว่า มันทำให้ตัวเขาเองแทบไม่รับรู้เกี่ยวกับเรื่องเวลาในแต่ละวันเลย เขาสนใจแค่กลางวันกลางคืน หรือว่าเวลาไหนควรตื่น เวลาไหนควรนอนเท่านั้น ไม่สามารถออกไปสังสรรค์กับเพื่อนได้ และที่สำคัญคือมันไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้เสมอไป เพราะนี่คือการรบกวนการทำงานของระบบประสาทและช่วงเวลาชีวิตของเรา
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก่อน-หลัง
หากเพื่อนๆ คนไหนรู้สึกสนใจการนอนหลับในรูปแบบนี้ ก็สามารถลองนำไปทำตามกันดูได้ แต่ต้องอย่าลืมที่จะไม่ฝืนร่างกายของตัวเองมากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นมันอาจจะกลายเป็นการทำร้ายตัวเองไปโดยเปล่าประโยชน์นะ
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.