ในวันเทศกาลเฉลิมฉลองอย่างวันคริสต์มาส ไม่ว่าใครก็อยากจะทำให้คนรอบข้างมีแต่ความสุขและสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกันทั้งนั้น
อดีตทหารนายหนึ่งซึ่งขับรถผ่านมาเห็นชายไร้บ้านก็อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนไร้โอกาสเช่นกัน เขาจึงจอดรถเพื่อมอบเสื้อผ้าและอาหารให้กับชายไร้บ้าน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันเขาก็โดนใบสั่ง เพราะในจังหวะนั้นเขาจอดรถในเลนของรถประจำทาง…
Lee Williamson อดีตทหารที่ทำงานเป็นช่างไม้และทำงานกับองค์กรการกุศล
ในวันคริสต์มาส เขาจอดรถเพื่อเอาเสื้อผ้าไปมอบให้กับชายไร้บ้านคนหนึ่ง
นาย Lee Williamson อดีตทหารวัย 43 ปีเล่าว่าขณะที่เขากำลังขับรถกลับจากการส่งลูกสาวในวันคริสต์มาส เขาเห็นชายไร้บ้านคนหนึ่งนอนอยู่ข้างถนน ด้วยความที่เขาทำงานกับองค์กรการกุศลด้วย เขาเลยอยากจะช่วยเหลือชายคนนั้น
เขาจึงจอดรถที่ข้างทางแล้วเดินเข้าไปหาชายไร้บ้าน เพื่อมอบหมวก ถุงมือ ผ้าพันคอและอาหารให้กับเขา ชายไร้บ้านคนนั้นรู้สึกซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดขอบคุณได้อย่างไร จากนั้นเขาก็กลับไปที่รถแล้วขับกลับบ้านไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวตามปกติ
ทว่าต่อมาในวันที่ 3 มกราคม 2018 ก็มีใบเรียกค่าปรับจากทางการส่งมาถึงบ้านเขา แจ้งให้เขาไปเสียค่าปรับจำนวน 70 ปอนด์ (ประมาณ 3,000 บาท) โทษฐานที่เขาจอดรถในเลนที่ทำไว้สำหรับรถประจำทางเท่านั้น
ใบเรียกเก็บค่าปรับที่เขาได้รับ เนื่องจากจอดรถในที่จอดรถประจำทาง
หลังจากนั้นเขาจึงเขียนอีเมลล์ไปอธิบายสาเหตุของการกระทำในครั้งนั้น ทางการก็คงจะเข้าใจเขาแล้วยกเลิกใบเก็บค่าปรับแน่นอน
ทว่าในวันที่ 30 มกราคม 2018 เขากลับได้รับจดหมายตอบกลับจากทางการว่า แม้จะเป็นการกระทำไปด้วยเจตนาดี แต่ก็ยังคงต้องปรับเขาเพราะเขาทำผิดกฎจราจรเหมือนเดิม
พอ Williamson รู้แบบนั้นเขาก็โกรธมากเพราะคิดว่าทางการไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เขาตัดสินใจจะไม่จ่ายค่าปรับในครั้งนี้แม้จะต้องขึ้นไปต่อสู้คดีในชั้นศาลก็ตาม
ตอนที่เอาเสื้อผ้าให้ชายไร้บ้าน เขาจอดรถในเลนของรถประจำทาง เพราะในวันคริสต์มาสไม่มีรถประจำทางวิ่งอยู่แล้ว
ทางด้านนาย Williamson เล่าว่า “วันนั้นผมเห็นคนไร้บ้านอยู่ที่ด้านนอกสถานี ผมก็เลยอยากเข้าไปช่วยเขา ตอนนั้นก็ไม่มีรถคันอื่นอยู่รอบๆ เลย แถมยังไม่มีรถประจำทางวิ่งในวันคริสต์มาสด้วย …
ผมคิดว่าพออธิบายเหตุผลให้พวกเขาฟังพวกเขาก็คงจะยกเลิกใบเก็บค่าปรับ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกรังเกียจพวกเขามาก พวกเขาควรอะลุ่มอล่วยให้ตามสมควร ผมจะไม่ว่าเลยถ้าตอนนั้นมีการจราจรหนาแน่น …
แต่การที่ผมจอดรถในตอนนั้นมันจะไม่ปลอดภัยได้อย่างไร ในเมื่อบริเวณนั้นไม่มีคนใช้รถใช้ถนนเลยแม้แต่คนเดียว และแน่นอนว่าถ้าเป็นในวันที่รถติดตามปกติ ผมจะไม่จอดตรงนั้นอยู่แล้ว”
เขาโดนเรียกเก็บค่าปรับโทษฐานทำผิดกฎจราจรจำนวน 70 ปอนด์ (ประมาณ 3,000 บาท)
เขาเล่าต่อว่า “ถึงจะต้องไปสู้กันในศาลผมก็จะไม่ยอมจ่ายค่าปรับแน่นอน ผมคิดว่าพวกเขาไม่ยุติธรรมกับผม รู้ไหมว่าเงิน 70 ปอนด์เนี่ย ทำให้คนไร้บ้านมีบ้านอยู่และมีข้าวกินได้เป็นอาทิตย์เลยนะ …
ทีนี้พอมีคนคิดจะหยุดทำความดีเพื่อช่วยคนไร้บ้าน พวกเขาก็อาจจะตัดสินใจไม่ทำแบบนั้นแล้ว เพราะกลัวจะโดนสั่งปรับเหมือนกับผม อย่างไรก็ตามผมก็จะช่วยเหลือคนไร้บ้านต่อไปเหมือนที่ผมเคยทำตลอดมา”
ทางด้านนาย Peter Soulsby นายกเทศมนตรีประจำเมืองเลสเตอร์ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์นี้เช่นกัน “เราเข้าใจและชื่นชมในเจตนาดีของเขา แต่กล้องวงจรปิดก็ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันการทำผิดกฎจราจรโดยเฉพาะ เนื่องจากการกระทำของเขามันไม่ปลอดภัย …
กล้องวงจรปิดพวกนี้ถูกติดตั้งหลังจากอุบัติเหตุของนักปั่นจักรยาน Sam Boulton เมื่อปี 2016 เขาถูกรถรับจ้างที่แวะมาจอดส่งผู้โดยสารในที่ห้ามจอด
เขาถูกเปิดประตูกระแทกใส่จนกระเด็นไปถูกรถแวนที่ผ่านมาทับ หลังจากนั้นกล้องวงจรปิดพวกนี้ก็ทำงานทั้งวันทั้งคืนตลอดปี เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก …
ถึงแม้ว่ารถประจำทางจะไม่ทำงานในวันคริสต์มาส แต่ก็ยังมีโอกาสที่คนปั่นจักรยานหรือพาหนะอื่นๆ อาจจะผ่านมาในบริเวณนั้นได้ และการจอดรถในที่ห้ามจอดก็ยังคงอันตรายอยู่ดี”
นายกเทศมนตรีเสริมอีกว่า “แม้ว่าเราจะยอมรับในเจตนาดีของเขา ความปลอดภัยย่อมต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ นอกจากนี้ถ้าเขาขับรถพ้นจากตรงนั้นเพียงไม่กี่เมตร ก็จะพ้นเขตของรถประจำทางแล้ว เขาควรไปจอดตรงนั้นมากกว่า …
ทั้งนี้ตัวคนขับรถก็มีสิทธิ์ที่จะไปต่อสู้บนศาลด้วย อย่างไรเสียสุดท้ายแล้ว ทางศาลก็จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าฝ่ายไหนถูกต้อง และทุกคนจะต้องยอมรับผลการตัดสินนั้น”
ที่มา: Dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.