(บทความนี้อาจมีภาพที่มีเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในอดีตนั้น เคยมีความโหดร้ายเกิดขึ้นอย่างมากมายเพียงใด และยิ่งในช่วงที่เกิดสงครามขึ้นแล้ว การบาดเจ็บล้มตายรวมถึงการจับเชลยมาใช้แรงงาน ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่เราสามารถเห็นได้ในทุกวันในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้
แต่ว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่อาจดูรุนแรงและวิปริตในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือการทดลองต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยสงคราม วิธีการทดลองนี้ส่วนมากก็จะใช้เหล่าเชลยศึกเป็นเหยื่อในการทดลอง ซึ่งมันก็ได้สร้างความทรมานใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างเราๆ เป็นอย่างมาก
และนี่คือ 7 การทดลองสยองโลก ที่ว่ากันว่ามีความอำมหิตที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งมันจะน่ากลัวขนาดไหน รวมทั้งมีวิธีการอย่างไรบ้าง เชิญชมพร้อมๆ กันได้ ณ บัดนี้
1. การทดลองเย็บเด็กให้กลายเป็นแฝดตัวติดกัน
นี่เป็นหนึ่งในการทดลองของระบบนาซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Dr. Josef Mengele เกิดสนใจในการทำฝาแฝดขึ้นมา เขาจึงได้ทำการทดลองโดยใช้เด็กกว่า 1,500 คู่ในการทดลองครั้งนี้ และเมื่อถึงค่ายกักกันก็ปรากฏว่ามีเด็กที่สามารถรอดชีวิตเพียง 200 คู่เท่านั้น
วิธีการทดลอง
ในการทำแฝดสยามนั้น ทีมการทดลองนี้จะนำเด็กสองคน นำมาควักอวัยวะภายในบางอย่างออก จากนั้นก็จะเย็บให้ตัวติดกัน โดยเด็กๆ ส่วนมากจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ การทดลองนี้จึงสามารถบอกได้ถึงความโหดร้ายของนาซีได้เป็นอย่างดี
2. การทดลองเปลี่ยนสีตา
การทดลองเรื่องนี้ก็เป็นของนาซีอีกเช่นเดียวกัน โดยการเปลี่ยนสีตาที่ว่านี้ มักจะใช้ผู้ทดลองเป็นชาวยิวเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าพวกเขาเป็นเชลยศึกที่ถูกจับมานั่นเอง
วิธีการทดลอง
การทดลองนี้ยังคงทำโดย Mengele หมอคนเดิมจากการทดลองเรื่องฝาแฝด โดยในครั้งนี้เขาอยากจะรู้ว่ามนุษย์เราสามารถเปลี่ยนสีดวงตาอย่างถาวรได้หรือไม่ เขาจึงฉีดยาย้อมสีเข้าไปสู่ตาของเด็กๆ ชาวยิวเพื่อพยายามที่จะเปลี่ยนสีของดวงตา แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าเด็กๆ ต้องทนทุกข์จากการติดเชื้อ
และในที่สุดตาของพวกเขาก็บอดไปจนสนิท และถ้ามีเหยื่อคนไหนที่เสียชีวิตจากการทดลองนี้ คุณหมอก็จะควักลูกตาของพวกเขาออกมา แล้วเอาไปติดกับผนังห้องเพื่อเอาไว้ดูต่างหน้า
3. Unit 731
การทดลองสุดโหดนี้เกิดขึ้นโดยกองกำลังญี่ปุ่น ระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 โดยนับได้ว่าเป็นการทดลองที่วิปริตที่สุดชิ้นหนึ่งที่โลกต้องจารึกไว้ โดยมีเหยื่อกว่า 13,000 คนในการทดลองครั้งนี้
วิธีการทดลอง
เหยื่อในการทดลองครั้งนี้จะถูกผ่าตัดชิ้นส่วนต่างๆ โดยไม่มีการใช้ยาชาหรือยาสลบแต่อย่างใด รวมทั้งยังมีการฉีดเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย การข่มขืน การบังคับให้หญิงสาวตั้งครรภ์เพื่อการทดลองต่อๆ ไป การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์เพื่อให้มีการแพร่กระจายของเชื้อโรคอย่าง ซิฟิลิส อีกด้วย
4. การทดลองหมาสองหัว
การทดลองหมาสองหัวนี้ เกิดขึ้นจากนักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียตชื่อว่า Vladimir Demikhov ในปี 1954 ที่อยากจะผลิตหมาสองหัวขึ้นมา เขาจึงได้ทำการผ่าตัดแปลกๆ อย่างที่เห็นเช่นในภาพ แต่ก็มีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นเพราะว่าเขาสามารถทำมันได้สำเร็จ และที่สำคัญคือไม่ใช่ครั้งเดียว แต่สำเร็จถึง 20 ครั้งเลยทีเดียว
วิธีการทดลอง
เขาจะเลือกหมามาสองตัวและทำให้คอของพวกมันติดกัน จากนั้นก็จะตัดชิ้นส่วนตั้งแต่ซี่โครงของหมาตัวข้างบนลงไป และใช้เส้นเลือดร่วมกัน โดยวิธีการนี้เคยได้รับการบันทึกเอาไว้ว่ามีหมาที่สามารถรอดชีวิตได้นานที่สุดถึง 1 เดือนเลย
5. โปรเจกต์เปลี่ยนเพศ
นี่เป็นโครงการทางการแพทย์ที่จัดขึ้นในแอฟริกาใต้ โดยมีจุดประสงค์ในทดลองก็คือการรักษาอาการรักร่วมเพศ ที่ทางพวกเขาถือว่าเป็นอาการป่วยทางจิต
วิธีการทดลอง
การทดลองนี้มีอย่างหลากหลายทั้งการบำบัดทางจิต ไปจนถึงการใช้ไฟฟ้าช็อต และถ้ายังไม่หายพวกเขาก็จะทำการผ่าตัดเพศใหม่ให้ แต่ส่วนมากนั้นก็ไม่ได้รับการยินยอมสักเท่าใดนัก
6. การทดลองเรือนจำ Standford
การทดลองนี้เกิดขึ้นในเรือนจำ Standford ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1971 ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีนักโทษจริงๆ ที่ถูกใช้ในการทดลองนี้ แต่เป็นนักเรียนที่ได้รับบทบาทเป็น 2 กลุ่มนั่นคือ ผู้คุมและนักโทษ ต่างหาก
วิธีการทดลอง
เมื่อการทดลองนี้เป็นการทดสอบทางด้านจิตวิทยา โดยใช้นักศึกษาจำนวน 24 คนแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือนักโทษ กับผู้คุม ที่จะสามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มท่ีในการจัดการกับนักโทษ (แต่ห้ามทำร้ายร่างกาย) ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ผู้ทำการทดลองก็สามารถเห็นได้ว่าแต่ละฝั่งก็เริ่มจะซึมซับบทบาทที่ตัวเองได้รับไปอย่างไม่รู้ตัว
อย่างผู้คุมก็จะมีพฤติกรรมที่โหดขึ้นและซาดิสท์ขึ้น ขณะเดียวกันฝั่งนักโทษก็เริ่มทำตัวทรามเหมือนกับนักโทษจริงๆ จนลืมไปว่านี่คือการทดลอง เหตุการณ์นี้จึงแสดงให้เห็นว่าคนเรามักจะหลงลืมตัวไปกับสถานการณ์ ที่บังคับให้เป็นในขณะนั้น
7. Monster Study
การทดลองนี้เหมือนกับเป็นปิศาจสำหรับเด็กๆ เหมือนกับชื่อของมัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 1939 ในรัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ที่สร้างงานทดลองนี้ขึ้นคือ Wendell Johnson แห่งมหาลัยไอโอวา นั่นเอง
วิธีการทดลอง
การทดลองนี้มีจุดประสงค์เพื่ออยากจะรู้อาการตอบสนองของเด็กๆ โดยใช้เด็กกำพร้าจำนวน 22 คนเป็นผู้ทดลอง โดยนักวิจัยจะแบ่งเด็กๆ ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งกลุ่มหนึ่งจะได้รับคำพูดที่ดีอย่าง คำชื่นชม ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งได้รับสิ่งตรงกันข้ามนั่นคือ การด่าทอ การต่อว่า
ซึ่งก็ปรากฏว่าเด็กๆ ทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมการพูดที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ทว่าการทดลองนี้ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็กๆ ในระยะยาว และทำให้สังคมรุมประณามการทดลองนี้ จนในที่สุดนักวิจัยต้องออกมาขอโทษพร้อมกับชดเชยค่าเสียหายให้จำนวนหนึ่งเลย
ที่มา: wittyfeed
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.