บางครั้งชีวิตอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ ทางที่เราเดินอาจไม่ได้ราบเรียบเสมอไป แต่เราจะผ่านมันไปได้ หากมีใครสักคนพร้อมจะอยู่เคียงข้างเราในสถานการณ์เหล่านั้น
เช่นเดียวกับ Sara Page วัย 54 ปี กับสุนัขของเธอ Freyja อายุ 9 ปี ที่ป่วยเป็นมะเร็งในเวลาเดียวกัน และทั้งคู่ยืนยันที่จะสู้มันไปด้วยกัน
เจ้าหมา Freyja ถูกวินิจฉันว่าเป็นมะเร็งชนิดที่รักษาไม่หาย และในอีก 9 เดือนต่อมา Page ได้ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมด้านซ้าย
สำหรับน้องหมานั้น คุณหมอบอกว่ามันมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือนเท่านั้น แต่มันคือกำลังใจสำคัญสำหรับเจ้าของในการเอาชนะโรคร้ายนี้ เพราะมันทำให้เธอหัวเราะได้แม้จะสูญเสียผมระหว่างทำคีโม
อย่างไรก็ตามดูเหมือน Freyja จะสู้ชีวิตมากกว่าที่ทุกคนคิด เพราะต่อนี้มันต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานถึง 4 ปี หลังจากที่หมอบอกว่ามันจะอยู่ได้อีกไม่นาน
เจ้าของบอกว่า “เราไม่รู้ว่าอนาคตของ Freyja จะเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นมะเร็ง แต่มันไม่เคยแสดงอาการใดๆ ที่บ่งบอกว่าป่วยเลย”
ก่อนหน้าที่ Page จะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง เธอเล่าให้ฟังว่า “ตอนที่เรากำลังนั่งดูทีวี แล้วมีแมวปรากฏขึ้นบนจอ Freyja ดูลุกลี้ลุกลนใหญ่เลย มันกระโดดและเห่าอย่างบ้าคลั่ง”
“ในระหว่างนั้นมันเอามือแตะที่หน้าอกซ้ายของฉัน นั่นทำให้ฉันตระหนักได้ว่าต้องไปตรวจเต้านม เพราะเดือนก่อนหน้านั้นฉันเคยถามหมอว่ามีโอกาสจะเป็นมะเร็งหรือไม่”
ส่วนน้องหมานั้น Page เล่าว่า “ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ฉันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างใน Freyja ขณะที่ลูบท้องให้มัน ฉันก็เห็นก้อนเนื้ออยู่ที่หัวนมของมัน”
จากนั้นเธอจึงพาเจ้าหมาไปหาสัตวแพทย์ ซึ่งได้คำตอบมาว่ามันเป็นแค่ถุงน้ำ แต่ให้เฝ้าสังเกตอาการต่อไปอีกสักพัก ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ก้อนเนื้อก็ยังไม่หาย คุณหมอจึงตัดชิ้นเนื้อของมันออกมาตรวจ
หลังจากการตรวจคุณหมอแจ้งกับ Page และ Rob ผู้เป็นสามีของเธอว่า Freyja เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และจะอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือน
นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับครอบครัวที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน โดยเฉพาะ Page เพราะน้องหมาเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอ เธออยู่กับมันตลอดเวลา ในขณะที่สามีออกไปทำงานข้างนอก
ในเดือนพฤษภาคมปี 2015 หรือ 9 เดือนหลังจากที่ Freyja ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง Page ก็ตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านมเช่นกัน
เธอบอกว่า “คุณหมอพบก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายของฉัน มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก และเรากำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งในเวลาเดียวกัน ฉันได้แต่คิดว่าทำไมต้องเป็นเรา?”
“ฉันเชื่อว่าสุนัขมีสัมผัสที่หก ฉันคิดว่าการที่ Freyja ยังมีชีวิตอยู่ ก็เพื่ออยู่ข้างฉัน และช่วยให้ฉันผ่านการต่อสู้กับโรคมะเร็ง”
“ถ้ามันตาย ฉันไม่รู้จะทำยังไงเมื่อไม่มีมัน ฉันคงจะเหงามากๆ เพราะ Rob ยุ่งอยู่กับการทำงาน Freyja เป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน และฉันอยากให้มันอยู่เคียงข้างตลอดเวลา”
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคมปี 2015 Page ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด 6 ครั้ง และได้รับการฉายรังสีในเดือนมกราคมของปีถัดมา
ตลอดเวลาของการรักษานี้ สุนัขผู้ภักดีอยู่เคียงข้างเธอไม่เคยห่าง “ฉันผมร่วงและรู้สึกแย่มากๆ ทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล แต่ Freyja คือผู้ช่วยชีวิตฉัน มันไม่เคยทิ้งฉันไว้คนเดียว” Page กล่าว
ขณะเดียวกัน เธอกับสามีก็ได้พาน้องหมาไปรักษาด้วยรังสีบำบัดและเคมีบำบัดด้วยเช่นกัน พวกเขาคอยปลอบโยนซึ่งกันและกันเสมอ
กระทั่งเดือนที่ 6 ที่เป็นเดือนสุดท้ายของ Freyja บนโลกใบนี้ตามที่คุณหมอวินิจฉัยไว้ Page พยายามมอบความรัก การเอาใจใส่ให้มันอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เธอบอกว่า “ฉันรักมันด้วยทั้งหมดของหัวใจ ดังนั้นมันยากที่จะทำใจได้กับการต้องสูญเพื่อนรักตัวนี้ไป ฉันถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่า ‘นี่มันวันสุดท้ายของ Freyja แล้วจริงๆ หรอ?’ และฉันก็ได้แต่มอบให้สิ่งที่มันสมควรได้รับให้”
อย่างก็ตาม หลังจาก 6 เดือนผ่านไป น้องหมาดูเหมือนจะไม่แสดงอาการของความเจ็บปวดใดๆ เลย ดังนั้นครอบครัวจึงพามันไปผ่าตัดเอาเนื้องอกที่เหลือออกอีกครั้ง แต่หมอบอกว่ายังไงมันก็ยังมีมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองอยู่ดีซึ่งคาดว่าเป็นระยะสุดท้าย
Page บอกว่า “มันรอดพ้นจากการวินิจฉัย 6 เดือนนั้นมาได้ ตอนนี้มันยังคงต่อสู้กับโรคมะเร็ง และโชคดีมันไม่ได้จากไปในขณะที่เรากลัว”
ทั้งนี้จากการวิจัยของ Pets at Home and Petplan เผยว่าสัตว์เลี้ยงมีความสามารถในการช่วยมนุษย์ที่อยู่ภาวะที่ยากลำบาก โดย 69% ของเจ้าของสัตว์บอกว่าสุนัขเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต
แม้สุนัขจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา แต่ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของมันที่มีต่อมนุษย์ เป็นพลังขับเคลื่อนที่ทำให้มนุษย์ผ่านวันอันเลวร้ายได้
ที่มา dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.