ปัจจุบันในประเทศจีนได้เกิดสิ่งที่กลายเป็นกระแสขึ้นมาโดยไม่คาดคิด กับเทรนด์ใหม่ที่ทั้งเย็นและดูเสียวฟัน นั่นคือการที่เหล่าบล็อกเกอร์หรือเน็ตไอดอลทั้งหลาย ต่างออกมาโพสต์คลิปการเคี้ยวน้ำแข็งหลากสี
สิ่งที่ได้รับความนิยมในรูปแบบใหม่นี้มีชื่อเรียกง่ายๆ เลยว่า “การเคี้ยวน้ำแข็ง” โดยเหล่าคนดังในโลกโซเชียลจะใช้เวลาสร้างน้ำแข็งสีๆ ขึ้นมาเอง เพื่อให้มันมีสีสันหรือลักษณะที่โดดเด่นสวยงาม ก่อนที่พวกเขาจะทำการเคี้ยวกรุบกรับต่อหน้ากล้อง
สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรกลับกลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวเน็ตจำนวนมาก คลิปการเคี้ยวน้ำแข็งที่ถ่ายเพียงแค่ 10 วินาที สามารถเรียกยอดคนเข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว
จากการรายงานของสำนักข่าว CGTN บอกว่า เหตุผลที่มันกลายเป็นที่สนใจของผู้คนก็เพราะ ผู้ชมส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจกับการที่ได้ยินเสียงและเห็นภาพอันน่าประทับใจเหล่านี้
คลิปของเน็ตไอดอลบางคนที่โชว์การเคี้ยวน้ำแข็ง
ด้วยเหตุนั้นเองจึงทำให้เน็ตไอดอลหลายๆ คนหารายได้จากการเคี้ยวน้ำแข็งแบบนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น บางคนถึงกับถ่ายคลิปการเคี้ยวน้ำแข็งในทุกๆ วัน แม้ว่าจะเป็นตอนที่อากาศหนาวจัดอยู่ก็ตาม
นอกจากจะพูดถึงเรื่องรายได้ของเหล่าเน็ตไอดอลแล้ว กระแสใหม่นี้ยังจะช่วยเพิ่มรายได้ของบริษัทผู้ให้บริการการถ่ายทอดสดในจีนอีกด้วย โดยคาดการณ์ว่าในปี 2018 จะพุ่งสูงถึง 139,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากในปี 2016 มากถึง 86 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทผู้ให้บริการทั่วโลกก็คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่า 234,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
Tai zi ผู้บริหารในบริษัทให้บริการการถ่ายทอดสด Tunshou Entertainment ของจีน บอกว่า เหล่าบล็อกเกอร์หรือเน็ตไอดอลที่ทำการถ่ายทอดสดจะมีรายได้จากทิปของแฟนคลับและของขวัญเสมือนจริง ซึ่งจะถูกแลกเป็นค่าปันผลที่ทางบริษัทมอบให้กับพวกเขา และส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับยอดเข้าชมด้วย
ลองคิดดูว่าบล็อกเกอร์ที่ออกมาถ่ายทอดสดบางคนได้รับเงินสูงถึง 5 ล้านบาท สาวๆ บางคนก็ได้รับเงินจากสิ่งนี้มากกว่า 600,000 บาท เพียงแค่ถ่ายการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กระแสการเคี้ยวน้ำแข็งได้กลายเป็นที่โด่งดังขึ้นมา เพราะมันกลายเป็นสิ่งที่สามารถเรียกยอดเข้าชมได้อย่างง่ายดายและทำรายได้ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
อย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตแบบเหล่าบล็อกเกอร์หรือเน็ตไอดอลก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่ายดาย พวกเขาจำเป็นต้องประสบความสำเร็จในหลายๆ เรื่อง เพื่อสร้างชื่อเสียงของตัวเอง และต้องรักษามันเอาไว้ให้ดี ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรียกว่ายากมากจริงๆ
.
ไม่รู้ว่าต่อไปในอนาคต จะมีเทรนด์แปลกใหม่อะไรงอกเงยขึ้นมาอีก แต่ที่แน่ๆ ก็คือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่ทำให้คนอื่นและตัวเองเดือดร้อนด้วยนะ
ที่มา: nextshark
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.