ถ้าให้พูดถึงเกมขวัญใจมหาชนในตอนนี้คงจะไม่มีเกมไหนที่เทียบเท่าได้กับ ROV อีกแล้ว แน่นอนว่า ROV นั้นไม่ใช่เกมที่ดีที่สุด แต่มันเป็นเกมที่ฮิตและเข้าถึงผู้คนได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือแม้แต่วินหน้าปากซอยก็ยังเล่น
ด้วยความที่ตัวเกมเข้าใจง่ายๆ เล่นไม่ยากใครก็เล่นได้ แถมยังเล่นที่ไหนก็ได้เพราะมันคือเกมในโทรศัพท์มือถือจึงทำให้คนที่ไม่เล่นเกมหันมาเล่นกันเยอะมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนปัจจุบันที่ล้วนมีมือถือทุกคนก็มักจะหยิบมาเล่นช่วงพักกลางวันที่โรงเรียนกันเสมอๆ
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเล่นเฉพาะเวลาพักหรือสามารถเล่นและแบ่งเวลาได้ ผู้ใหญ่หรือเด็กบางคนนั้นไม่สามารถที่จะแบ่งเวลาและจัดการกับปัญหาในการเล่นได้จนส่งผลให้งานและการเรียนต้องพังลง ซึ่งสำหรับนักเรียนแล้วมันเป็นปัญหาที่ส่งผลเป็นวงกว้างทั้งตัวนักเรียนเอง ตัวผู้ปกครองที่ไม่สบายใจและคุณครูผู้สอนที่อยากให้ลูกศิษย์ตั้งใจจึงต้องช่วยกันหาทางออก
ซึ่งอาจารย์หรือผู้ปกครองท่านไหนที่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรลองให้เรื่องราวของคุณ Pawanrat Pasawongse เป็นตัวอย่างแก้ไขปัญหาดูสิ ซึ่งเธอได้ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาเด็กติด ROV จนเสียการเรียนอย่างเห็นผลสุดๆ
เธอได้ยกตัวอย่างจากนักเรียนและคุณครูจากโครงการ Teach For Thailand กับวิธีการแก้ไขปัญหามาให้เราได้ดูกัน โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่คุณครูหลายท่านจะต้องเจอคือ นักเรียนบางคนมักจะติด ร. ติด 0 จากผลของการติด ROV รวมถึงยังชอบแอบเล่นในเวลาเรียน ซึ่งตัวคุณครูที่ไม่อยากจะลงโทษด้วยวิธีการเก่าๆ แต่อยากจะเข้าใจถึงสิ่งที่นักเรียนของตัวเองชอบและนำมาปรับใช้
คุณครูที่ถูกยกตัวอย่างมาทั้งหมดจึงเริ่มศึกษาว่าเกม ROV นั้นคืออะไร พร้อมเตรียมการจัดแข่งกันขึ้นภายในโรงเรียนของตัวเอง แต่ว่าการที่นักเรียนจะลงแข่งขันในรายการที่คุณครูจัดขึ้นได้ นักเรียนจะต้องไม่ติด 0 และติด ร. เสียก่อนจึงจะลงแข่งได้
ของรางวัลของผู้ชนะก็ล่อตาล่อใจได้ดีพอสมควร เพาะถ้าอยากเป็นนักแข่งจริงๆ การได้รับคำแนะนำจากตัวจริงถือเป็นเรื่องที่ดีสุดๆ
ซึ่งผลตอบรับที่ออกมามันดีมากๆ นักเรียนทุกคนที่มีผลการเรียนแย่เพราะเกมดังกล่าวหันมาสนใจการเรียน พยายามให้ตัวเองไม่ติด 0 และ ร. ส่วนคนที่ติดไปแล้วก็เร่งตามแก้ให้ผ่านกันอย่างรวดเร็วเพื่อที่พวกเขาจะได้ลงแข่งเกมที่ตัวเองชอบ
ถ้านักเรียนสามารถรักษามาตรฐานไว้ได้แบบนี้ อีกหน่อยพวกเขาก็จะจัดการกับเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้นแม้มันจะไม่เกี่ยวกับ ROV ก็ตาม
นอกจากนั้นคุณครูคนที่ 3 ยังเพิ่มกฎการแข่งเข้าไปอีก เพราะนักเรียนชอบมาสาย ซึ่งถ้าใครมาสายจะได้รับใบดำ โดยเจ้าใบดำที่ว่าก็จะเพิ่มเงื่อนไขในการแข่งขันเช่นการออกจากป้อมช้าและอื่นๆ ซึ่งนักเรียนทุกคนไม่อยากจะแพ้จึงพากันมาตรงต่อเวลา
นอกจากนี้ตัวอาจารย์บางท่านที่รู้สึกอยากจะเข้าถึงและเพิ่มความสนุกให้กับการแข่งมากขึ้น ถึงกับยอมลงทุนไปศึกษาเรื่องการไลฟ์สตรีมและลงสนามไปเล่นเองเลยก็มี เรียกว่าเป็นการแก้ไขที่ได้ผลตรงจุดและไม่ทำให้เกิดการเกลียดชังจากทั้งสอง แถมยังสร้างสัมพันธ์อันดีอีกต่างหาก แบบนี้ต้องปรบมือให้กับอาจารย์ทั้งสามที่คุณ Pawanrat ยกตัวอย่างมาเลย
มันดีจริงๆ นะ การปรับตัวและแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน
สุดท้ายแล้ว #เหมียวมู่ทู่ ก็ได้ถามคุณ Pawanrat ว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันน่าพึงพอใจมากน้อยแค่ไหน ความรู้สึกของเด็กๆ เป็นยังไงหลังจากได้ลงแข่ง และแผนการต่อไปคุณครูแต่ละท่านจะทำยังไงต่อไป?
ซึ่งคุณ Pawanrat ก็ตอบกลับมาว่า “ครูแต่ละท่านกำลังจะเอาทีมที่ชนะไปเจอกับเด็กในโรงเรียนอื่น ส่วนเด็กๆ ที่ได้ลงแข่งก็ค่อนข้างภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียน เพราะมันให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับการเป็นตัวแทนแข่งวิชาการ“
ที่มา Pawanrat Pasawongse
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.