เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันนั้น ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศจีนเริ่มขยายเส้นทางออกไปยังที่ต่างๆ มากมายตามมุมต่างๆ ของโลก ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาและยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าทวีปแอนตาร์กติกาไม่พลาดที่จะมีชาวจีนไปเยือนเช่นกัน…
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2017 ทางจีนได้มีการโฆษณาเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนดินแดนน้ำแข็งที่ทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งแน่นอนว่าก็มีคนจีนให้ความสนใจเพียบและพากันไปยกใหญ่ เพียงแต่พอคนไปเยอะปัญหามันก็ตามมา
นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ที่ไปเยือนยังดินแดนน้ำแข็งซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของพวกเขา ล้วนตื่นเต้นที่ได้เจอกับเพนกวินตัวเป็นๆ จึงอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปทักทายและไปจับมัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นถือเป็นการสร้างปัญหาให้กับสัตว์ตามธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ทางการจีนก็ไม่นิ่งนอนใจแต่อย่างใดพร้อมประกาศกฎใหม่ทันที โดยกฎที่ว่านั้นประกาศให้นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวยังทวีปแอนตาร์กติกาห้ามเก็บอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติกลับมา ห้ามทิ้งขยะเรี่ยราด ที่สำคัญห้ามเข้าไปจับหรือรบกวนเพนกวินและรวมถึงสัตว์ตามธรรมชาติอื่นๆ ด้วย
จากรายงานของ South China Morning Post นั้นได้บอกไว้ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนคนไหนที่ละเมิดกฎดังกล่าว จะถูกแบนห้ามไปยังทวีปแอนตาร์กติกาทันทีเป็นระยะเวลา 3 ปี!!
อย่างไรก็ตาม โทษดังกล่าวก็ดูจะไม่รุนแรงสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าการไปเที่ยวทริปทำนองนี้บางคนก็เลือกที่จะไปแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉะนั้นทางการอาจจะต้องปรับกฎใหม่ให้มันรุนแรงขึ้นเพื่อช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวนั่นเอง
และจากสถิติการท่องเที่ยวของคนจีนที่ไปเยือนทวีปแอนตาร์กติกานั้น นับตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปี 2016 นั้น ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังทวีปดังกล่าวจำนวน 4,000 คนและกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีการเชิญชวนดังกล่าว
ซึ่งตอนนี้อันดับนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนทวีปแอนตาร์กติกานั้น จีนเป็นรองแค่นักท่องเที่ยวของอเมริกา โดยทางการก็เริ่มประกาศใช้กฎดังกล่าวแล้ว และพวกเขาก็คาดว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวสูงที่สุด ฉะนั้นกฎของพวกเขาน่าจะช่วยลดปัญหาได้ทันเวลานั่นเอง…
ที่มา shanghaiist
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.