ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงปืนในโรงเรียนของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก ล่าสุดในรัฐฟลอริด้าก็เพิ่งมีอดีตนักเรียนได้ก่อเหตุกราดยิงภายในโรงเรียน จนมีผู้เสียชีวิตถึง 17 ราย (ตามอ่านข่าวได้ ที่นี่)
ทางด้านเพจเฟสบุ๊ก Everytown for Gun Safety ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านการใช้ความรุนแรงด้วยปืนกล่าวว่าเหตุการณ์นี้เป็นการยิงกันครั้งที่ 18 ตั้งแต่เริ่มต้นคริสตศักราช 2018 อีกทั้งสำนักข่าว FOX 26 Houston ก็ชี้ข้อมูลมาในทางเดียวกันด้วย
แผนที่แสดงจุดที่มีการใช้ปืนยิงบริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียนตั้งแต่ต้นปี 2018 จนถึงปัจจุบัน
เมื่อชาวเน็ตได้เห็นข้อมูลดังกล่าวแล้วก็รู้สึกเช่นกัน ว่าเกิดเหตุความรุนแรงจากการใช้ปืนเป็นจำนวนมากในระยะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆ เอง ชาวเน็ตส่วนหนึ่งนั้นเห็นว่าต้นเหตุน่าจะมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ล้มเหลว โดยพวกเขาพูดไว้แบบนี้
Eric Smith บอกว่า “ถ้าเราเอาเด็กๆ ออกจากโรงเรียนรัฐ แล้วเลี้ยงดูพวกเขาเองอย่างดีก็คงจะไม่เกิดปัญหาพวกนี้ขึ้น แต่ก่อนถึงเราจะมีปืินแต่ไม่มีโรงเรียนก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย”
Todd Benzkofer บอกว่า “มีการอนุญาตให้คนทั่วไปใช้ปืนมาตั้งหลายปีแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สาเหตุของการยิงกันเหล่านี้ แต่คนที่ยิงปืนต่างหากที่เป็นปัญหา อะไรบางอย่างในสังคมของเราเปลี่ยนเด็กเล็กให้กลายเป็นเศษสวะ บางทีอาจจะเป็นสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่เป็นปัญหาก็ได้”
Gwen Papillion เองก็บอกว่ามันเป็นความผิดของพ่อแม่นั่นแหละที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กมีอาวุธในครอบครองได้แบบนั้น พ่อแม่ควรจะใส่ใจลูกให้มากกว่านี้เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น
ทว่า Rachel Parker กลับมีความเห็นหนึ่งที่ขัดแย้งกับข้อสันนิษฐานเหล่านั้น …
Parker เป็นคุณแม่ท่านหนึ่งที่สูญเสียลูกชายไปจากการใช้ปืนฆ่าตัวตาย แม้ว่าทางครอบครัวจะให้ความรักความอบอุ่นกับเขาไม่เคยขาดเลยก็ตาม
เธอโพสต์ไว้ว่า “คนที่โยนความรับผิดชอบให้กับพ่อแม่ทำให้ฉันเหลืออดจริงๆ จะบอกให้รู้ไว้ว่าลูกชายวัย 15 ปีของฉันก็เพิ่งฆ่าตัวตายไปเมื่อวันขอบคุณพระเจ้าปีที่แล้ว (2017) นี้เอง แต่เขาไม่ได้มีปัญหาครอบครัวเลย เรารักเขามากกว่าที่คุณคิดเสียอีก …
แถมเรายังให้คำปรึกษากับเขาทุกเรื่องด้วย เขาเองก็เป็นเด็กที่มีจิตใจดีและคิดถึงผู้อื่นก่อนเสมอ แต่การที่เขาถูกรังแกมันทำให้เขามีสุขภาพจิตแย่และเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้ต่างหาก”
เธอเล่าต่อว่า “2 วันก่อนที่ลูกชายของฉันจะฆ่าตัวตาย เขาเขียนจดหมายไว้ว่าเขาคิดโกรธเคืองอยากจะฆ่าคนที่รังแกเขา แถมเขายังบอกญาติที่รู้จักว่าหากเขามีปืนสัก 6 นัดล่ะก็ เขาจะฆ่าพวกนั้นไป 5 คนแล้วยิงตัวตายตาม …
ปกติเขาก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก นอกจากนี้เขายังหันไปพึ่งยาเสพติดเพื่อทำให้ตัวเองหายซึมเศร้าด้วย สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่ทำร้ายคนอื่น แต่ฆ่าตัวตายไปเพียงคนเดียวทำให้ฉันต้องอยู่อย่างลำพัง … ดังนั้นมันไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่เลย เรารักเขามากกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ยังมีปัญหาซึมเศร้าและปัญหาเคมีในร่างกายอีก คุณรู้ไหมว่าคนเรากว่า 85 เปอร์เซ็นต์กินของไม่มีประโยชน์และนอนไม่เป็นเวลาจนมีสุขภาพจิตแย่กันหมดแล้ว ดังนั้นก่อนจะโทษอย่างอื่นช่วยเช็กดูความคิดของตัวเองดีๆ ซะก่อน เด็กพวกนี้มีปัญหาจากการถูกรังแกต่างหาก ไปหาข้อมูลมาก่อนที่จะมาโทษพ่อแม่นะ”
ชาวเน็ตส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับเธอทุกประการ
ฉันเห็นด้วยกับ Rachel พ่อแม่ไม่ผิดหรอก เป็นสังคมโดยรวมที่สร้างปัญหาต่างหาก ทั้งการรังแกและเรื่องอื่นๆ ด้วย
ฉันขอเป็นกำลังใจให้เธอนะ คนนอกจะคิดว่าจะว่าอะไรก็ง่ายไปหมดน่ะแหละ เธอกับลูกน่ะเป็นคนที่วิเศษมาก
ฉันเสียใจเรื่องลูกชายเธอด้วยนะ นี่เป็นความจริงที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาในชีวิต ฉันอยากให้เธอสู้ต่อไปและบอกความจริงให้โลกนี้รู้ว่าเรายังขาดความเข้าใจผู้อื่นในฐานะมนุษย์อยู่
อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีชาวเน็ตอีกส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับเธออย่างรุนแรงอยู่ด้วย
การที่ลูกชายของเธอมีอาวุธปืนในครอบครองได้ยังไงมันก็เป็นความผิดของเธอที่ไม่เก็บอาวุธให้พ้นมือลูกอยู่ดี
จะมาโทษโรคซึมเศร้าหรือปัญหาทางจิตมันไม่ได้หรอก มันมีมาตั้งแต่ยุค 1950-1980 แล้ว แต่เด็กในสมัยนั้นก็ไม่ได้ยิงกันแบบนี้ ตอบฉันได้รึเปล่าล่ะว่าเป็นเพราะอะไร?
ผู้ปกครองนั่นแหละที่มักจะเป็นตัวปัญหา โดยเฉพาะพวกที่ชอบโยนความผิดให้กับสังคม ถ้าคุณทำหน้าที่ผู้ปกครองได้ดีจริงๆ ก็คงจัดการเรื่องที่ลูกถูกรังแกได้แต่แรกแล้ว
อย่างไรก็ตามเราก็คงไม่สามารถหาข้อสรุปที่แน่นอนได้ว่าสาเหตุของความรุนแรงดังกล่าวนั้นเกิดจากสิ่งใด แต่เราคิดว่ามันคงไม่ได้เกิดจากความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน
ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเด็กเหล่านั้นย่อมมีส่วนอย่างละเล็กอย่างละน้อยเสมอ มันจึงน่าจะเป็นหน้าที่ของเราทุกคนทั้งในฐานะพ่อแม่และเพื่อนร่วมสังคมที่จะต้องดูแลคนเหล่านี้ไม่ให้พวกเขาก่อเหตุรุนแรงเหล่านี้อีกในอนาคต
ที่มา: Fox 26 Houston
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.