โดยทั่วไป ความสามารถทางร่างกายและระดับสติปัญญาของคนเราจะมีขีดจำกัด แต่นักจิตวิทยาเชื่อว่าสมองของเราสามารถควบคุมขีดจำกัดนั้นได้
ด้วยเหตุนี้บางคนในโลกนี้จึงได้เอาชนะข้อจำกัดเหล่านั้น เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาและไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ หากเรามุ่งมั่นที่จะทำ
1. Josh Sundquist กลายเป็นนักกีฬาพาราลิมปิก หลังสูญเสียขาไปข้างหนึ่ง
Josh เสียขาซ้ายไปเมื่ออายุได้ 10 ขวบเนื่องจากเป็นโรคมะเร็งกระดูกชนิดหายาก เขาหายจากมะเร็งตอนอายุ 13 ปี และเริ่มฝึกเล่นสกีในอีก 3 ปีต่อมา
หลังจากที่ฝึกฝนมาเป็นเวลา 6 ปี เขาก็กลายเป็นสมาชิกของทีมสกี US Paralympic ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาล และเป็นนักเขียนที่มียอดขายดีที่สุด
2. George Dantzig แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ได้โดยบังเอิญ
เมื่อ George Dantzig เป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย University of California เขาเข้ามาเรียนวิชาสถิติสาย เขาพบทฤษฎีทางสถิติ 2 ข้อเขียนอยู่บนกระดานดำและเข้าใจผิดว่าเป็นการบ้านที่อาจารย์ให้ทำ
เมื่อกลับบ้านเขาพยายามแก้โจทย์ปัญหานั้นอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้ว่ามันเป็นโจทย์ที่ไม่สามารถแก้ได้ และสุดท้ายเขากลับแก้มันได้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ของเขา
3. Jason Padgett กลายเป็นอัจฉริยภาพด้านคณิตศาสตร์หลังได้รับบาดเจ็บในสมอง
หลังจากที่ Jason Padgett ถูกทำร้ายอย่างหนัก ไม่เพียงแต่สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่เขาเริ่มมองโลกผ่านเลนส์รูปทรงเรขาคณิต
ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ Jason เป็นพนักงานขายเฟอร์นิเจอร์ แต่หลังจากการบาดเจ็บเขาได้รับความสามารถในการมองเห็นวัตถุทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนและแนวคิดฟิสิกส์
นักวิทยาศาสตร์บอกว่า Jason เป็นกลุ่มตัวอย่างของผู้ป่วยโรคอัจฉริยะ (Savant Syndrome) ที่หายากมาก เนื่องจากคนปกติอาจจะได้รับความสามารถที่ผิดปกติหลังจาเป็นโรคร้ายแรงหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส
4. Reinhold Messner เป็นคนแรกที่ปีนเขาเอเวอร์เรสต์โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรอง
Reinhold Messner เป็นเจ้าของสถิติมากมาย เขาเป็นคนแรกที่ปีนภูเขากว่า 8,000 เมตร โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรองในปี 1978 ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เขากลับทำได้
เขาปีนถึงยอดครั้งแรกตอนอายุ 5 ขวบเท่านั้น และยังเป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสเพียงลำพัง
อันตรายจากการปีนเขาที่มีระดับความสูงมากๆ โดยไม่ใช้ออกซิเจนเพิ่มนั้น คือ ทำให้ร่างกายถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา เป็นผลให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงมากขึ้น เลือดไหวเวียนช้า และหลอดเลือดมีแนวโน้มที่จะตัน
5. Jure Robic เป็นผู้ชนะ 5 ครั้งติด ในการแข่งขันปั่นจักรยานระยะทาง 4,800 กิโลเมตร
นักปั่นจักรยานชาวสโลวีเนียคนนี้เป็นเจ้าของสถิติการปั่นจักรยาน 834.77 กิโลเมตร โดยไม่หยุด และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่มีความอดทนสูง เพราะเขานอนแค่คืนละ 1 ในชั่วโมง ในระหว่างสัปดาห์การแข่งขัน
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าความลับของความอดทนพิเศษนี้คือ Jure ปฏิเสธการสั่งการของสมองเกี่ยวกับความเมื่อยล้าและฟังเฉพาะการตัดสินใจของตัวเองว่าจะพักเมื่อไหร่ กินเมื่อไหร่ และจะไปสู่เป้าหมายให้เร็วที่สุดยังไง
6. Herbert Nitsch สามารถดำน้ำลึกถึง 253 เมตร
นักประดาน้ำชาวออสเตรีย Herbert Nitsch ได้สร้างสถิติโลกที่น่าประทับใจถึง 33 ครั้ง หนึ่งในสถิติที่น่าทึ่งที่สุดคือ การดำน้ำลึก 253.2 เมตร
ในระหว่างการดำน้ำในความลึกดังกลาวนี้ เขาเผลอหลับไปชั่วครู่หนึ่ง เนื่องจากไนโตรเจนทำให้เกิดความง่วง และพลาดแผนหยุดการบีบอัด ผลของเหตุการณ์นั้นทำให้เขาบาดเจ็บจากการบีบอัดอย่างรุนแรง จนต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน
หลายปีต่อมา Herbert กลับเข้าสู่วงการดำน้ำและอยู่ระหว่างฝึกซ้อมเพื่อที่จะดำดิ่งลงสู่ความลึกนั้นอีกครั้ง
7. Chul Soon จากที่น้ำหนักแค่ 56 กิโลกรัม สู่การเป็นอาร์โนลด์แห่งเอเชีย
Chul Soon จำได้ว่าตอนที่เขาอายุ 20 ปีเขาชั่งน้ำหนักได้แค่ 56 กิโลกรัม และมักถูกกลั่นแกล้งเพราะเป็นคนผอมแห้ง
เขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อ 12 ปีก่อน และเริ่มออกกำลังกายด้วยการลุกนั่ง 3,000 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้เขายังเลือกทานอาหาร ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นนักเพาะกายที่โด่งดังที่สุดในเกาหลี
8. Randy Gardner ไม่นอนเป็นเวลา 11 วัน
ในปี 1964 Randy Gardner วัย 17 ปี ใช้เวลาอยู่กับงานวิทยาศาสตร์นาน 11 วัน 25 นาที โดยไม่หลับเลย ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการทดสอบ ความรู้ความเข้าใจ ประสาทสัมผัส และความสามารถทางกายภาพของเขา
วันสุดท้ายของการทดสอบ Gardner ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว และพูดโดยไม่มีสะดุดเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาและเมื่อการทดสอบสิ้นสุดลง เขาไม่แสดงอาการของการอดหลับ 11 วันออกมาให้เห็นเลย
9. ดร. Katsioulis ผู้มี IQ 198 ซึ่งสูงที่สุดในโลก
Evangelos Katsioulis เป็นจิตแพทย์และนักจิตบำบัดชาวกรีก และเป็นผู้ก่อตั้ง World Intelligence Network ซึ่งเป็นสังคมคนที่มีความฉลาดเป็นเลิศ
โดยปกติแล้ว ค่าเฉลี่ยในการทดสอบ IQ คือ 100 และคนส่วนใหญ่จะมี IQ อยู่ระหว่าง 85 และ 114 แต่ของ Evangelos อยู่ที่ 198
Evangelos บอกว่าเขาเชื่อในพลังจิตมนุษย์ เขาหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้คนแสดงพลังของจิต ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มีการเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับการศึกษาโดยการเห็นถึงศักยภาพของผู้คน
10. Concetta Antico สามารถมองเห็นสีมากกว่าคนทั่วไปถึง 100 เท่า
เตตราโครมาซี (Tetrachromacy) คือภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของยีนที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาของจอตา สายตายของคนปกติจะมองเห็นสีมากที่สุดอาจไม่เกิน 1 ล้านสี แต่ Antico สามารถแยกได้ถึง 100 ล้านสี
ประชากรของโลกที่มีภาวะเตตราโครมาซี คาดว่ามีเพียง 1% เท่านั้น Antico มีแกลเลอรีของตัวเองในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่่งเต็มไปด้วยภาพวาดสีสันสดใสและมีชีวิตชีวา
นอกจากนี้เธอยังหวังที่จะพัฒนาระบบการฝึกอบรมที่สามารถช่วยให้คนที่มีภาวะเตตราโครมาซีตระหนักถึงศักยภาพของตัวเอง
ที่มา brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.