เดี๋ยวนี้วงการแฟชั่น ถ้าจะให้ดูทันสมัยก็ต้องแต่งตัวแบบสมัยนิยม รวมถึงมีเครื่องประดับประดาต่างๆ มากมาย แต่สำหรับคนที่อยากแหวกแนวหน่อยก็คงจะต้องหาอะไรสักอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวเองมาสวมใส่ เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่านี่แหละคือสไตล์ของฉันนะ
แต่ว่าก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่บอกความเป็นตัวได้แบบล้ำโลกสุดๆ เพราะสิ่งที่เธอเอามาเป็นเครื่องประดับห้อยคอก็คือ ‘นิ้วก้อย’ ของตัวเธอเอง และที่สำคัญคือเธอยังบอกว่าเหตุที่ตัดมันแล้วเอามาห้อยคออย่างนี้เพราะว่ามันดูน่ารักดี!!
โดยผู้หญิงสุดหลุดโลกคนดังกล่าวมีชื่อว่า Torz Reynolds เธอได้เกิดความคิดที่อยากตัดนิ้วก้อยขึ้นมา เพราะเธอคิดว่ามันน่ารักดี และในที่สุดเธอก็ทำอย่างนั้นจริงๆ และได้เอามันใส่ขวดโหลขนาดจิ๋วเอาไว้เพื่อห้อยคอ ยังไม่หมดเท่านั้นเธอยังได้มีชื่อไว้เรียกมันอย่างคิกขุอีกด้วยว่า ‘Wiggles‘
ซึ่งภายในขวดโหลที่บรรจุเจ้า Wiggles เอาไว้นี้ก็จะมีแอลกอฮอล์บรรจุเอาไว้ เพื่อให้มันช่วยคงสภาพไม่ให้นิ้วนั้นเน่าเปื่อย และสามารถนำไปเป็นเครื่องประดับห้อยคอให้กับเจ้าของได้เป็นเวลานาน
การที่เธอทำเช่นนี้ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเธอต้องเมาแน่ๆ แต่ผิดแล้วเพราะเธอได้บอกว่าไอเดียนี้ได้เกิดขึ้นในหัวของเธอมาร่วมๆ จะ 10 ปีแล้ว
จริงๆ แล้วเธอนั้นได้แรงบันดาลใจในการตัดนิ้วมาจากการที่เพื่อนของเธอเคยทำมาก่อน ซึ่งก่อนที่จะมีการตัดนิ้วนั้นเธอก็ได้มีการเตรียมพร้อมตัวเอง ด้วยการฝึกการใช้ชีวิตประจำวันโดยปราศจากมัน เพื่อดูว่าจะมีผลกระทบอะไรกับเธอบ้าง
เมื่อเธอเริ่มชินแล้ว ในเย็นวันหนึ่งเธอก็ลงมือตัดมันออกด้วยอุปกรณ์อย่าง คีมตัดเหล็ก!!
หลังจากนั้นเธอก็เอานิ้วที่ตัดไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เลือดมันแข็งตัว แต่ไปๆ มาๆ เธอกลับลืมเจ้านิ้วนี้ไปซะสนิทเลยว่าเคยตัดมันออกแล้วแช่เอาไว้ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เปิดตู้เย็นออกดูเลยนึกได้ว่ามีนิ้วอยู่ข้างในนั้น
“ฉันลืมไปเลยนะว่ามันอยู่ในตู้เย็น ฉันไม่อยากจะลืมมันอีกต่อไปเลยเอามาทำเป็นสร้อยคอซะเลย”
นอกจากนี้ Torz ยังได้ให้นักข่าวได้ถ่ายรูปมือที่นิ้วก้อยขาดหายไปของเธอ พร้อมทั้งยังได้นำหมวกใบจิ๋วมาตกแต่งเพื่อเพิ่มเติมความน่ารักให้กับมือของเธอเองอีกด้วย
“พวกหมวกเหล่านี้เป็นของขวัญจากแฟนหนุ่มของฉัน ในโอกาสครบรอบวันเกิดของ Wiggles ฉันคิดว่ามันวิเศษมากเลยล่ะ มันเหมือนกับหมู่บ้านของคนตัวเล็กๆ เลย”
“มีคนจำนวนมากบอกว่ามันยอดเยี่ยมไปเลย และทุกๆ คนก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่จริงจังอะไรกับชีวิตมากนัก” Torz กล่าว
ถึงตอนนี้เธอก็ยังดูมีความสุขดี และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หากใครอยากทำตามแฟชั่นอย่างนี้ก็ควรคิดให้ดีๆ เพราะมันไม่สามารถกลับคืนมาได้เหมือนเดิมแล้วนะจ๊ะ
ที่มา: ladbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.