หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน (School Shooting) ขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน ทำให้เริ่มมีกระแสกดดันเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ให้เข้มงวดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
และดูเหมือนกว่าตอนนี้กระแสนั้นจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมีนักเรียนนับพันในหลายหัวเมืองคนตัดสินใจเดินออกจากห้องเรียนไปประท้วงเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
โดยการประท้วงในเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมตัวประท้วงครั้งใหญ่ในหลายรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าง รัฐเท็กซัส รัฐแมริแลนด์ และรัฐเวอร์จิเนีย
แต่จุดสำคัญใหญ่ๆ ก็คือ การที่นักเรียนกว่า 2,000 คนรวมทั้งผู้ปกครองและคุณครู ได้ร่วมจับมือกันและสวดมนต์ที่หน้าโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High โรงเรียนที่เกิดเหตุในรัฐฟลอริด้า พร้อมทั้งสวมเสื้อสีประจำโรงเรียนและกวัดแกว่งธงสัญลักษณ์ไปมาอีกด้วย
และในเวลา 14.20 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมขึ้นพวกเขาก็ได้ร่วมกันสวดภาวนาให้กับผู้ที่เสียชีวิต พร้อมกับมีการสื่อความหมายไปยังรัฐบาลว่า ‘มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก’ และ ‘เราจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป’ ร่วมด้วย
จากนั้นผู้คนนับพันรวมถึงผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้น ก็เดินทางไปรวมตัวกันที่ศาลากลางรัฐฟลอริด้า เพื่อเพิ่มความกดดันให้ฝ่ายนิติบัญญัติออกมาตรการควบคุมปืนที่เข้มงวดขึ้น
ซึ่งป้ายที่ใช้กดดันก็มีข้อความอย่าง ‘ไม่อีกแล้ว’ กับ ‘เป็นผู้ใหญ่หน่อย ทำอะไรสักอย่างสิ’ ที่เขียนขึ้นจากนักเรียนของโรงเรียนที่เกิดเหตุกราดยิง
“ฉันมาที่นี่เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาล การปล่อยให้ผู้โชคร้ายเหล่านี้จากไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มันเหมือนกับการทรยศต่อประเทศชาติชัดๆ” Lorenzo Prado นักเรียนคนหนึ่งกล่าว
ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีนักเรียนกว่า 100 คน จากโรงเรียน Stoneman Douglas ใช้เวลาโดยสารรถกว่า 8 ชั่วโมง เพื่อพบปะกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐและเรียกร้องให้ดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายปืน
“เราจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เรากำลังจะเจรจากับนักการเมืองเหล่านี้ เราจะเดินหน้าต่อไปเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนสักอย่าง เพราะมีคนมากมายที่ตายไป และมันเกิดขึ้นอีกไม่ได้” Alfonso Calderon นักเรียนวัย 16 ปี กล่าว
ที่มา: dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.