สื่อนอกระบุ ไทยนำเข้าปลาจาก ‘ฟุกุชิมะ’ เป็นครั้งแรกหลังเกิดภัยพิบัติ แต่ถูกปิดเงียบ…

ถือว่าเป็นข่าวใหญ่โตอีกหนึ่งเรื่อง แต่กลับไม่เป็นที่พูดถึงภายในประเทศไทยมากนัก เมื่อสื่อจากประเทศญี่ปุ่นเองได้ทำการรายงานเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจส่งออกและนำเข้าปลาจากจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มาสู่ประเทศไทย

The Japan Times รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 โดยระบุว่าเรือขนส่งสินค้าปลาลิ้นหมา ได้เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นครั้งแรกที่มีการส่งออกปลาจากฟุกุชิมะตั้งแต่เกิดเหตุภัยพิบัติฟุกุชิมะไดอิชิในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

 

Kanji Tachiya หัวหน้าสมาคมประมงจากเมืองโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถส่งออกปลาจากจังหวัดของเราไปสู่ทั่วโลก และเราจะทำการส่งออกปลาที่ปลอดภัยเท่านั้น”

จังหวัดฟุกุชิมะทำหน้าที่สนับสนุนสินค้าและธุรกิจในเครือประมง โดยไม่ได้กล่าวถึงความปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีมากนัก

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

 

โดยเมื่อวันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 สินค้าประเภทปลาน้ำหนัก 110 กิโลกรัมถูกส่งไปยังประเทศไทย จากท่าเรือเมืองโซมะ ปลาดังกล่าวถูกนำมาใช้ในภัคตาคารอาหารญี่ปุ่น 12 แห่งในกรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งการส่งออกปลาในครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยจะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางส่งออกหลักในอนาคต

ข้อมูลจากจังหวัดฟุกุชิมะ ตัวอย่างสุ่มของปลานั้นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยของประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุภัยพิบัติ สมาคมประมงประจำจังหวัดฟุกุชิมะ สั่งงดทำการประมงนอกชายฝั่งทั้งหมดและเริ่มกลับมาทำการประมงในปี พ.ศ. 2555

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

 

โดยก่อนหน้านั้น ทางเว็บไซต์ The Korea Times ประเทศเกาหลีใต้ ได้ทำการรายงานเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ว่า

ทางการเกาหลีใต้ได้ทำการสั่งห้ามนำเข้าปลาจากจังหวัดฟุกุชิมะ เนื่องจากยังมีความกังวลทางด้านความปลอดภัยของอาหาร และไม่มีรายงานความปลอดภัยอย่างเป็นทางการตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุภัยพิบัติฟุกุชิมะไดอิชิ

อย่างไรก็ตามทางด้านอาจารย์ เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องปลาจากญี่ปุ่น เนื่องจากกรมประมงได้ให้การรับรองผ่านมาตรฐานความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 

ที่มา : japantimes, koreatimesJessada Denduangboripant

Comments

Leave a Reply