ฝันสลาย… อดีตนักรักบี้ดาวรุ่งวัย 19 ถูกเพื่อนท้าให้กิน ‘ทาก’ กลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต

ในช่วงชีวิตวัยรุ่นทั้งต้นและปลายมักจะมีการชวนทำอะไรแผลงๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นชายและหญิง ด้วยความคึกคะนองตามประสา และปัญหาเหล่านี้ก็เกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลก…

เรื่องราวอันน่าเศร้าของ Sam Ballard อดีตนักกีฬารักบี้ดาวรุ่งในวัย 28 ปี จากเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น จากความคึกคะนองที่ถูกปลุกระดมจากงานปาร์ตี้ ท้าทายให้เขากลืน ‘ทาก’ ตัวเป็นๆ ลงไปในลำคอ…

 

Sam Ballard ในวัย 19 ปี

 

เหตุการณ์เริ่มต้นในปี 2010 เมื่อเขายังมีอายุได้เพียง 19 ปี ร่วมฉลองงานวันเกิดของเพื่อน ในระหว่างที่นั่งดื่มไวน์แดงกันนั้น หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสังเกตเห็นทากตัวหนึ่ง กำลังเลื้อยผ่านบริเวณโต๊ะและลั่นวาจา ‘กินเข้าไปสิ ขอท้าเอ็งให้กิน!’

และ Sam ก็ไม่ปฏิเสธคำท้า เขาจับทากตัวนั้นกลืนลงไป ซึ่งภายหลังที่ Katie Ballard ผู้เป็นแม่ได้รับรู้ เธอรู้สึกว่าลูกเธอจะต้องไม่เป็นอะไร แต่แล้วความคิดของเธอกลับไม่เป็นไปตามนั้น…

 

Sam ในระหว่างเข้ารับการรักษาและทำกายภาพบำบัด

 

Sam เริ่มมีอาการป่วยและถูกหามส่งโรงพยาบาล Royal North Shore Hospital จนกระทั่งได้รับการวินิฉัยว่าติดเชื้อ ‘พยาธิปอดหนู’ (โรคพยาธิหอยโข่ง) อาจส่งผ่านมาจากของเสียจากหนูที่มีเชื้อและตัวทากได้รับเข้าไป ซึ่งเป็นตัวพยาธิ แองจิโอสตรองจิลัส แคนโตเนนซิส

 

.

 

หลังจากเริ่มติดเชื้อ Sam ต้องเข้ารับการรักษาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และมีอาการโคม่านานกว่า 420 วัน กลายเป็นอัมพาตทั้งแขนและขา

ทางด้านคุณแม่เคยโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กไว้ในปี 2011 โดยหวังว่าลูกชายของเธอจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง และยังคงคิดในแง่บวกเสมอมา

 

Sam และคุณแม่ Katie ในปัจจุบัน

 

แต่แล้วในภายหลังเธอกล่าวถึงชีวิตของลูกชายเธอว่า “มันร้ายแรงเกินไป มันเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล รวมทั้งชีวิตของฉันด้วย ผลกระทบมันมากเกินกว่าจะรับไหว”

ตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา Sam ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น ไม่สามารถพูดคุยหรือช่วยเหลือตัวเองได้ กินอาหารผ่านสายยาง พร้อมทั้งต้องมีผู้ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเขามักจะเกิดอาการชัก หายใจไม่สะดวก และไม่สามารถคุมอุณหภูมิร่างกายของตัวเองได้

 

 

ทั้งนี้ผู้เป็นแม่จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษา และเธอก็ได้รับข่าวดีในปี 2016 ว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือจาก โครงการประกันความพิการแห่งชาติ เป็นจำนวนเงิน 15 ล้านบาท

แต่ภายหลังในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา กลับถูกทางโครงการตัดเงินเหลือเพียง 4 ล้านบาท โดยที่ไม่ชี้แจ้งเหตุผลเพิ่มเติมใดๆ กับคุณแม่เลย จนถึงกระทั่งตอนนี้ทางครอบครัวต้องแบกรับหนี้สิ้นค่ารักษาเป็นจำนวนมาก และยังคงค้างจ่ายค่าผู้ดูแลอีกกว่า 1.3 ล้านบาท

 

ที่มา : aol, nypost, ibtimes, dailytelegraph, news.com.au, dailymail, nydailynews

Comments

Leave a Reply