นี่คืออาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย ถ้าหากว่าคุณ ยั๊งไม่ได้นอนนนนนน!!

การนอนหลับเป็นอีกหนึ่งกลไกของร่างกายมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ได้พักผ่อนร่างกาย มนุษย์ควรจะนอนหลับให้ได้ประมาณวันละ 6-8 ชั่วโมงเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี แต่ด้วยเหตุจำเป็นในวิถีชีวิตของมนุษย์แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ทำให้บางคนไม่ค่อยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ

เคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าหากมนุษย์อดนอนร่างกายจะเกิดการตอบสนองอย่างไรบ้าง และจะส่งผลแบบไหนกับร่างกาย ถ้าหากว่ามนุษย์อดนอน นี่คือระดับอาการที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อคุณไม่นอนในแต่ละช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้น

 

6 ชั่วโมง

หลังจากที่คุณผ่านค่ำคืนที่นอนไม่หลับ 6 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมาจำนวนมาก ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและกังวล ก่อให้เกิดความเครียดและสับสน

 

12 ชั่วโมงต่อมา

สมองจะเริ่มปิดการทำงานในฟังก์ชันที่ไม่จำเป็นเช่นปฏิกิริยาตอบสนองเริ่มช้าลง และตัดสินใจช้าลง แต่ก็ยังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

 

24 ชั่วโมงต่อมา

ร่างกายจะเริ่มทำงานแบบตรงกันข้าม แทนที่จะมีความเหนื่อยล้าแต่กลับเป็นว่าร่างกายจะตื่นตัวและมีประสาทสัมผัสที่่เฉียบแหลม ทุกอย่างดูแฮปปี้สดใส เพราะร่างกายหลั่งสารโดพามีนมาแทนที่การนอนหลับพักผ่อน จนผ่านช่วงนี้ไป ถ้ายังไม่หลับอีกร่างกายจะค่อยๆ เหนื่อยล้า ความตื่นตัวจะลดลงไปเรื่อยๆ

 

36 ชั่วโมงต่อมา

หน่วยความจำเริ่มลด และการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ก็เริ่มลดลง สมองอยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน ร่างกายเริ่มปิดการทำงานบางอย่าง เช่น ลดการเผาผลาญพลังงาน เร่งให้มีความรู้สึกเหนื่อยล้ามากยิ่งขึ้น

 

48 ชั่วโมงต่อมา

เริ่มเกิดภาพหลอน เนื่องจากการขาดสารเคมีและสารอาหารทำให้เกิดการกระตุ้นสมองมากเกินไปทำให้เห็นภาพลวงตา เริ่มได้ยินเสียงแว่วแปลกๆ ภาพหลอนแปลกๆ และลืมการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐาน

 

3-11 วันต่อมา

ไม่มีมนุษย์คนไหนอดนอนได้เกิน 11 วัน การทดลองนี้ได้รับการบันทึกโดย Randy Gardner นักศึกษาที่ได้ดำเนินการทดลองเมื่อปี 1964 เขาทดลองอดนอนเป็นเวลากว่า 264 ชั่วโมงหรือประมาณ 11 วัน สมองยังคงมีการทำงานอยู่ไม่ส่งผลร้ายแรงใดๆ ต่อเขา แต่อาจจะไม่ได้ปลอดภัยสำหรับทุกคน

ถ้าอดนอนเกินจากนี้ไปจะมีอันตรายต่อร่างกายและสมองหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เราอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ แต่อย่าเสี่ยงจะดีกว่า ควรเลือกพักผ่อนให้เพียงพอจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยนะ

 

ที่มา brightside

Comments

Leave a Reply