กลายเป็นมหากาพย์ดราม่าในออฟฟิศ เมื่อข้าวผัดกุ้งถูกขโมย งานนี้ต้องสืบให้เจอว่าใครทำ!!

ชีวิตของพนักงานออฟฟิศ ไหนจะต้องตื่นเช้า ฝ่ารถติดหรือนั่งวินจนผมปลิวฟู และยังต้องมาพบเจอกับปัญหาการถูกขโมยของกินไปจากตู้เย็นในบริษัทโดยที่จับคนทำไม่ได้ นี่มันน่าเจ็บใจยิ่งนัก

แต่คดีการขโมยข้าวในครั้งที่เราจะมาเล่านี้ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปในเมื่อเจ้าทุกข์นั้นไม่ยอมความง่ายๆ จึงได้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนเหตุการณ์ธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะเรื่องนี้มันถูกบอกเล่าจากตา Zak Toscani นี่สิ

โดยจากเรื่องราวที่ดูเหมือนจะซีเรียส แต่พอเป็นตา Zak มาเล่า ทำเอาเรื่องปัญหาเล็กๆ แบบนี้กลายเป็นมหากาพย์ดราม่าในออฟฟิศไปเลย ซึ่งจะเป็นอย่างไรเอาเป็นว่าไปดูกันดีกว่าครับ

 

มาชมโฉมหน้าของ Zak Toscani ผู้เล่าเรื่องในวันนี้ก่อนครับ

 

 “เพื่อนร่วมงานของผมถูกขโมยข้าวกลางวันไปและทางบริษัทอนุญาตให้เขาดูกล้องวงจรปิดได้ นี่คือเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่ผมทำงานมาเลย”

 

“ข้างกลางวันของเขาคือข้าวผัดกุ้ง ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มันเริ่มจากคดีอาญาธรรมดาจนกลายเป็นคดีอุกฉกรรจ์เลยล่ะ” 

 

“ข้อเท็จจริงคือข้าวกลางวันของเขาเพิ่งนำไปใส่ในตู้เย็นได้ไม่ถึงชั่วโมงมันก็ถูกขโมยไป และ ไม่มีกลิ่นของกุ้งหลงเหลืออยู่ในไมโครเวฟหรือบริเวณห้องครัวเลยสักนิด หัวขโมยคนนี้มันต้องเป็นมืออาชีพแน่นอน”

 

“เหยดเข้ เจ้าทุกข์กลับมาแล้ว เขาได้ดูกล้องวงจรปิดแล้ว เขารู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ”

 

“โดยเจ้าทุกข์นั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกับผม ส่วนหัวขโมยที่นั่งเธออยู่ถัดไปจากผมนี่เอง ซึ่งเธอออกไปจากออฟฟิศก่อนที่การสืบสวนจะเริ่มต้นขึ้น”

 

“ตามที่เห็นจากวิดีโอ หัวขโมยแม่งโคตรบ้าเลยอ่ะ เธอไม่แม้แต่จะกินข้าวที่ขโมย แต่เธอเล่นเอามันออกมาเพื่อจะโยนลงในถังขยะ”

 

“แรงจูงใจของเธอยังไม่เป็นที่แน่ชัด หลังจากที่เขาได้เห็นกล้องวงจรปิดเขาก็เลือกที่จะไม่ทนอีกต่อไป ผมบอกไม่ได้หรอกนะว่าผมโทษเขา แต่นี่เรายังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ทำไปเพราะอะไร”

 

“ชี้แจงรายละเอียดกันเสียหน่อย เจ้าทุกข์ได้ซื้อข้าวผัดกุ้งเมื่อเวลา 11.30 น. และนำใส่ตู้เย็นในเก็บไว้รอกินตอนเที่ยง แสดงว่าหัวขโมยมีเวลา 30 นาทีที่จะลงมือทำการและที่นั่นไม่มีร่องรอยของการอุ่นอาหารเลย”

 

“อัพเดต: ตอนที่เจ้าทุกข์ไปดูกล้องวงจรปิดพร้อมกับ HR พวกเขาถามเขาว่า ‘คุณอยากให้ทำยังไงกับเรื่องนี้ดี’ เขาก็ตอบไปว่าเขาก็แค่สงสัยว่าใครกันนะที่เป็นคนขโมยข้าวของเขาไป และเขาก็ไม่อยากเป็นส่วนที่ทำให้โจรถูกไล่ออกด้วย”

 

“หลังจากที่ได้วิดีโอเสร็จแล้ว HR ก็ได้ส่งเมลไปทั่วบริษัทเกี่ยวกับเรื่องไม่ให้ขโมยอาหารของคนอื่น และอีก 20 นาทีก็จะถึงเวลาที่เธอต้องมาทำงานแล้ว ตอนนี้เลือดของผมมันเดือดพล่านไปหมด”

 

“เธอเดินเข้ามาในห้องแล้ว และทั้งห้องก็เงียบโคตรๆ เงียบเชี่ยๆ แต่ก็มีแรงกดดันจากทุกๆ คนในห้องยกเว้นเธอ”

 

“ตอนที่เธอเดินเข้ามา ผมได้มองไปที่เธอ ดูเธอเปิดอีเมลและ ณ เวลาที่เธอคลิกอีเมลของ HR เหยดเข้ เราตามไปดูกันเลย”

 

“ผมขยับไม่ได้ ผมไม่สามารถขยับได้ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”

 

“และหลังจากที่เธอเห็นอีเมลของ HR ก็ได้พูดอย่างดังว่า ‘โว้ว มีใครขโมยข้าวด้วยเหรอ? ใครมันจะไปทำอย่างนั้น?’ โอ้ว เหยดเข้ ผมขอวิ่งออกจากห้องตอนนี้เลยได้มั้ย” 

 

“หลังจากที่เธอพูดประโยคนั้นจบ เจ้าของข้าวผัดกุ้งก็ได้พูดสวนมาว่า ‘เออ ใช่ มันไม่โอเคเลยที่โยนข้าวของคนอื่นทิ้งไปอ่ะ’ ตอนนั้นพวกเราทั้งหมดนี่แทบจะกรีดร้อง”

 

“เรื่องนี้มันเริ่มจะบ้ายิ่งขึ้น หลังจากที่เขาพูดจบเธอก็ตอบกลับมาว่า ‘โอ้ นั่นเป็นข้าวของคุณเหรอ?’ แถมยังต่ออีกว่า ‘แล้วนั่นคือเหตุผลที่คุณไปหา HR เหรอ?!’ “

 

“เธอปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนี้พร้อมๆ กับเรียกชายคนที่ช่วยไม่ให้เธอถูกไล่ออกว่าคนขี้ฟ้อง!!!”

 

“หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นออกมา เขาเลยถอนหายใจและกลับไปนั่งทำงาน ส่วนเธอน่ะเหรอดูสงบจนน่าใจหายเลยล่ะ”

 

“ผมจะมาอัปเดตให้นะ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นอีก แต่ผมบอกได้เลยว่าทุกคนในออฟฟิศตั้งแต่แม่บ้านยันหัวหน้ารู้หมดว่าเธอทำอะไร ตอนนี้เธอถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปไปแล้ว”

 

“นี่คือเรื่องจริง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง พวกเรารู้ว่าใครขโมยแต่พวกเราไม่รู้ว่าทำไม ซึ่งในความจริงแล้วคือบริษัทของเราเพิ่งเปิดในวันนี้ และเธอได้นั่งถัดจากผมไปไม่ถึงเมตรตลอดเวลาต่อไปนี้”

 

“โดยที่เขาและเธอไม่ทราบว่าผมเพิ่งสั่งข้าวผัดกุ้งสามที่มาและนำเอาไปให้พวกเขาถึงมือ”

 

“เธอรับข้าวผัดกุ้งจากผมไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอกินมันและดูเหมือนจะชอบมัน นี่มันโหดเหี้ยมที่สุด”

 

” ‘ฉันชอบข้าวผัดกุ้ง’ ขโมยได้กล่าวเอาไว้”

 

“ผมหวังว่าผมจะสามารถปิดเรื่องนี้ได้ด้วยการโค้งน้อมตัวเล็กน้อย แต่สุดท้ายเราก็อาจจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น บางทีเธออาจจะไม่รู้ว่าเธอได้ทำมันลงไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมก็ยังคงต้องทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ติดกับบุคคลเลือดเย็นอยู่ดี”

 

และเมื่อเรื่องนี้ถูกโพสต์ลงไปในทวิตเตอร์ของเขา มันกลายเป็นกระแสไปอย่างรวดเร็ว และได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย เราจะยกมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันนะครับ

 

“ฉันชอบตอนจบแบบนี้นะ ฉันไม่อยากรู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น แต่ฉันสนุกไปกับการเล่าเรื่องของคุณ ขอบคุณสำหรับวันนี้”

 

“เธอจะต้องได้ขึ้นเป็น CEO ในสักวันแน่ๆ”

 

“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมไม่มีใครสักคนจัดการตรงๆ กับเธอซะบ้าง ถึงเธอจะไม่สมควรที่ถูกไล่ออกแต่เธอก็ควรที่จะรู้ว่าเธอโดนจับได้และให้เธอได้พูดแก้ตัว! เรื่องนี้น่าผิดหวังมากๆ ฮ่าๆ”

 

ที่มา Boredpanda

Comments

Leave a Reply