หลายๆ คนไม่ชอบออกไปข้างนอกให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดด เพราะกลัวว่ามันจะทำให้ผิวเราคล้ำ แต่สิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็คือแสงอาทิตย์นั้นถือว่าจำเป็นต่อร่างกายของเราอย่างมาก และการไม่ให้ผิวหนังกระทบกับมันเลยอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรามากกว่าที่คิด
วันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้มารับความรู้ถึงความจำเป็นของแสงแดด ว่าถ้าหากเราหลีกเลี่ยงมันมากจนเกินไปจะส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายของเราบ้าง เราลองไปดูกันเลยยย
1. กระดูกเปราะบาง
แคลเซียมและวิตามิน D คือสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อกระดูก เพราะแคลเซียมจะสามารถดูดซึมได้ก็ต่อเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากวิตามิน D ซึ่งเราสามารถได้รับมันจากแสงอาทิตย์ที่กระทบผิวกาย เพราะฉะนั้นการไม่ออกไปเจอแสงแดดจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมของเราลดลง โครงสร้างของกระดูกจะมีความเปราะบางมากกว่าเดิม
มันจึงกลายเป็นสาเหตุของอาการเจ็บกระดูก กล้ามเนื้ออ่อนแอลง โรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะ และโรค Osteomalacia ซึ่งเกิดจากความอ่อนแอของกระดูก การออกไปโดนแสงแดดให้เพียงพอต่อความต้องการวิตามิน D ของร่างกายจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
2. ความผิดปกติของเท้า
อย่างที่เราเข้าใจว่าการออกไปโดนแสงแดดคือการได้รับวิตามิน D เพราะฉะนั้นหากเราไม่ออกไปโดนแดดเลยจนทำให้มีวิตามิน D ไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ได้คือลดการดูดซับแคลเซียมและฟอสเฟต ส่งผลต่อกระดูกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิดรูปไป
เพราะฉะนั้นการรักษาระดับวิตามิน D ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ป้องกันไม่ให้เกิดอาการเจ็บเท้าเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการที่เกิดจากข้อหรือข้อต่ออักเสบ อาการเจ็บที่เกิดจากเส้นเอ็นหรือบริเวณฝ่าเท้า
3. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
หน้าที่หนึ่งที่สำคัญของวิตามิน D คือการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ซึ่งเราสามารถรู้ได้ว่าระดับวิตามิน D ในร่างกายอยู่ในระดับไหนตอนที่เราไปตรวจเลือด โดยเราควรจะต้องรักษาระดับของวิตามิน D ให้ค่าของมันออกมามากกว่า 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร
4. โรคซึมเศร้า
สังคมปัจจุบันเรามักจะใช้ชีวิตอยู่แค่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เล่นเกม ดูทีวี แทบจะไม่ได้ออกไปไหน กลายเป็นปัญหาของอาการซึมเศร้าที่เกิดจากการขาดแสงสว่าง อยู่แต่ในห้องแคบๆ ไม่ได้รับแสงอาทิตย์ ยิ่งอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่เราก็จะยิ่งเศร้ามากเท่านั้น ทางแก้คือการออกไปหาอะไรทำกลางแจ้งที่ดีต่อสุขภาพ
5. ปัญหาผิวหนัง
การเปิดรับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต B (UVB) และวิตามิน D จะช่วยป้องกันปัญหาผิวหนังต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน หรือโรคสะเก็ดเงิน (โรคที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน) เพราะวิตามิน D มีหน้าที่ในการควบคุมสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันเอาไว้
อย่างไรก็ตาม แม้การรับแสงแดดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็จะต้องไม่ออกไปรับมันมากจนเกินไป เพราะการรับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตเข้าสู่ร่างกายมากเกินจะไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับการเกินโรคมะเร็งผิวหนัง
6. น้ำหนักขึ้น
อย่างที่บอกไปในข้อก่อนหน้านี้ว่า การไม่รับแสงแดดจะส่งผลต่อความอ่อนแอของกระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นสาเหตุให้ร่างกายของเราเผาผลาญได้แคลอรีได้ยากมากกว่าเดิม นอกจากนั้นหากเรามีวิตามิน D ไม่เพียงพอจะทำให้ฮอร์โมน Leptin ไม่สามารถส่งสัญญาณความอิ่มไปหาสมองได้ เราเลยรู้สีกว่าตัวเองไม่อิ่มสักทีแล้วกินเข้าไปเรื่อยๆ
การออกไปรับแสงแดดจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่จำเป็น รวมถึงการกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน D ก็เช่นกัน อย่างเช่น ปลา ไข่แดง นม โยเกิร์ต หรือขนมปังธัญพืชเป็นต้น
7. ความบกพร่องทางสติปัญญา
การศึกษาล่าสุดบอกว่าภาวะขาดแคลนวิตามิน D จะส่งผลทำให้เกิดความบกพร่องของความคิดความเข้าใจ และโรคสมองเสื่อมในระยะยาว เป็นตัวการสำคัญที่ลดประสิทธิภาพการทำงานของสมองในตอนที่เราเริ่มแก่ตัวไป
นอกจากนั้นงานวิจัยในปี 2015 ยังทำการศึกษากับคนจำนวน 60,000 คน พบว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่บริเวณทางตอนเหนือ (แถบที่ได้รับแสงอาทิตย์น้อยกว่า) จะมีโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าคนทางตอนใต้ (แถบที่ได้รับแสงอาทิตย์มากกว่า) อีกด้วย
สรุปง่ายๆ เลยก็คือแสงอาทิตย์คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายของเราได้รับปริมาณของวิตามิน D ในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้สุขภาพร่างกายของเราไม่เกิดความผิดปกติอย่างที่บอกกันไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรที่จะออกไปรับแสงแดดมากจนเกินไป เพราะรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตอาจทำร้ายผิวของเรา จนถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้เลย
ทางที่ดีเราควรหาเวลาออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง หรือถ้าตอนไปเที่ยวทะเลต้องเจอกับแสงอาทิตย์นานๆ ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันค่า SPF มากกว่า 30 เพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ววว
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.