ปกติแล้วสำหรับการลดน้ำหนักนั้นเรามักจะคิดว่าแค่ทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำและออกกำลังกายทุกวันก็ทำให้น้ำหนักลดได้ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลดีไม่ได้มีแค่นั้น นอกจากสิ่งที่ควรทำแล้วก็ยังมีสิ่งที่ไม่ควรทำอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรทำนั้นอาจจะทำให้การลดน้ำหนักของคุณพังทลายลงไปได้เลย
9. ไม่อ่านฉลาก
ในปัจจุบันก็มีแพ็คเกจอาหารต่างๆ มากมายที่กล่าวว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพหน้าผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคนั้นหลงเชื่อว่ามันดีต่อสุขภาพจริงๆ แต่เมื่อตรวจสอบดูที่ฉลากแล้วจะเห็นว่าคำกล่าวอ้างเหล่านั้นไม่จริงเลย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นน้ำตาลที่มีปริมาณมากเกินไป ให้สังเกตส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย -ose เช่น fructose, glucose, dextrose, maltose และ sucrose เพราะเจ้าชื่อที่ดูวิทยาศาสตร์มากๆ พวกนี้คือรูปแบบหนึ่งของ “น้ำตาล” ทั้งนั้นเลย
สิ่งที่ควรทำ
อย่าลืมตรวจสอบรายชื่อส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการที่ฉลากหลังผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมดูปริมาณที่ควรบริโภคต่อคน วิธีนี้จะทำให้เรารู้ว่าควรบริโภคปริมาณเท่าใด
8. ชั่งน้ำหนักบ่อยเกินไป
ถึงแม้ว่าการชั่งน้ำหนักบ่อยๆ จะไม่ส่งผลต่อน้ำหนักที่ลด แต่มันสามารถทำให้หงุดหงิดได้ จำไว้ว่าการลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา การชั่งน้ำหนักทุกวันนั้นจะทำให้เกิดอาการท้อได้
สิ่งที่ควรทำ
ใช้เทปวัดรอบเอว สะโพกหรือต้นขาแทนเพื่อเป็นการดูความคืบหน้าเป็นเวลาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าหากต้องการชั่งน้ำหนักเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ออกกำลังกาย ให้ชั่งสัปดาห์ละครั้งแทน
7. สนใจแต่การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่ไม่สนใจเรื่องการเสริมสร้างความแข็งแรง
คุณสามารถพูดได้ว่าออกกำลังกายนิดเดียวยังดีกว่าไม่ออกกำลังกายเลย แต่ถ้าคุณทั้งควบคุมอาหารการกิน ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่ว่าน้ำหนักไม่ได้ลดในอย่างที่เราต้องการ สาเหตุนั้นอาจเกิดมาจากร่างกายที่ไม่แข็งแรง การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงนั้นนอกจากจะทำให้มีกล้ามเนื้อแล้วยังทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายมากขึ้นอีกด้วย
สิ่งที่ควรทำ
ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเสริมสร้างความแข็งแรงควบคู่กันไป คุณสามารถสลับกันออกกำลังกายแต่ละประเภท หรือจะทั้ง 2 แบบหากมีเวลามากพอ
6. ลืมว่าเครื่องดื่มก็มีน้ำตาลและแคลอรีเช่นกัน
รู้หรือไม่ว่ามีปริมาณน้ำตาลเท่าไหร่ในสตาร์บักส์แก้วโปรดของคุณ? ปกติแล้วแต่ละเมนูของสตาร์บักส์นั้นมีปริมาณน้ำตาลประมาณ 40-60 กรัม หรือ 2-3 เท่าของปริมาณสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว ยังไม่รวมเครื่องดื่มอื่นๆ เช่นน้ำอัดลม น้ำผลไม้ เบียร์ หรือไวน์ที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและแคลอรี แต่ก็ยังทำให้หิวตลอดเวลา เพราะสมองนั้นจะไม่ตอบสนองต่อแคลอรีในของเหลวเหมือนกับที่ตอบสนองในอาหาร
สิ่งที่ควรทำ
ดื่มน้ำเปล่า ถ้าไม่ชอบความจืดของน้ำเปล่า ลองหั่นมะนาวใส่ลงไป ใส่ผลไม้ประเภทเบอร์รี่ลงไปและใบมิ้นต์หรือใบสะระแหน่เพื่อเพิ่มรสชาติ ชาเขียวที่ไม่มีน้ำตาลก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
5. งดอาหาร
การงดอาหารนั้นเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ที่กำลังลดน้ำหนักทำพลาดไป ถึงแม้ว่าจะดูสมเหตุสมผลในตอนแรกว่าการอดอาหารคือการลดจำนวนแคลอรี ทำให้น้ำหนักลดไวขึ้น แต่การทำแบบนี้นอกจากจะทำให้กระบวนการเผาผลาญช้าลงแล้ว ยังทำให้หิวมากขึ้นในวันถัดไปอีกด้วย
สิ่งที่ควรทำ
เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีคุณค่าทางโภชนาการที่จะให้พลังงานและไม่ทำให้เราหิวในเวลาถัดมา มื้อเช้าที่ดีที่สุดก็คือคาร์โบไฮเดรตที่ดี ไฟเบอร์และโปรตีน เช่นโอ๊ตมีล ไข่และโยเกิร์ตที่มีผลไม้
4. จำกัดตัวเองมากเกินไป
การลดปริมาณอาหารนั้นถึงแม้ว่าจะเป็น 1 ในคำแนะนำในการลดอาหารที่ได้ยินกันทั่วไป เมื่อลดปริมาณอย่างถูกวิธีแล้วมันจะได้ผลที่ดีมาก แต่ควรระวังหากลดปริมาณอย่างผิดวิธี ถ้าคุณทานอาหารในปริมาณที่น้อยมากเกินไปจนทำให้รู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่ากระบวนการเผาผลาญนั้นจะช้าลง ทำให้ลดน้ำหนักยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่ควรทำ
ทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่อิ่มจนเกินไป ให้ตัวเองได้มีความสุขกับวันปล่อยผีสำหรับคนลดน้ำหนักบ้างสัปดาห์ละครั้งเพื่อลดความอยาก
3. พักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อได้ยินครั้งแรกก็อาจจะไม่เชื่อว่าการนอนจะส่งผลต่อการลดน้ำหนักด้วย แต่การพักผ่อนไม่พอนั้นจะส่งผลต่อระดับฮอร์โมน Leptin ที่ควบคุมความอิ่มลดน้อยลง ในขณะที่ฮอร์โมน Ghrelin ที่ควบคุมความหิวนั้น ทำให้ทานอาหารมากขึ้น
สิ่งที่ควรทำ
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ในวัยผู้ใหญ่นั้นต้องการพักผ่อนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน ถ้ามีปัญหานอนไม่หลับให้ลองทำตารางเวลาการนอนเพื่อสร้างระเบียบวินัยให้กับตัวเองดู
2. ทานไฟเบอร์ไม่เพียงพอ
เมื่อคุณต้องการลดน้ำหนัก การทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ควบคู่ไปด้วยนั้นจะช่วยได้อย่างมาก เนื่องจากไฟเบอร์จะช่วยดูดซึมน้ำให้กลายเป็นวุ้น ทำให้รู้สึกอิ่ม นอกจากนั้นยังช่วยชะลอการดูดซึมไขมันและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
สิ่งที่ควรทำ
ทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เช่นโอ๊ตมีลล์ ถั่ว และผลไม้ปอกเปลือก
1. หวังเกินไป
การตั้งเป้าหมายในระยะยาวนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เป็นเรื่องที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าคนเรามักต้องการลดน้ำหนักให้มากที่สุดและไวที่สุด ซึ่งต้องผ่านกระบวนการมากมาย การที่เข้าใจว่าการลดน้ำหนักนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาจะทำให้เราไม่ไขว้เขวและไม่ท้อ
สิ่งที่ควรทำ
ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถเป็นไปได้ สำหรับเป้าหมายในระยะยาว ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
ที่มา Brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.