ในอดีตก่อนที่จะถึงยุคที่วิทยาศาสตร์สามารถหาคำตอบของสิ่งต่างๆ ได้ คนเราในยุคนั้นก็จะเต็มไปด้วยความเชื่อแปลกๆ ที่เราอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำอย่างนั้นกันจริงๆ
วันนี้เราจึงอยากชวนให้เพื่อนๆ ได้ลองมารู้ความจริงสุดประหลาดของชาวกรีกโบราณ กับสิ่งต่างๆ ที่เขาเชื่อหรือค่านิยมต่างๆ ที่ไม่ธรรมดา มันแตกต่างกับเราในยุคนี้มากแค่ไหน ลองไปเปรียบเทียบกันเองเลย
1. แพทย์จะชิมรสชาติขี้หูเพื่อวินิจฉัยโรค
จริงๆ แค่อาการทั่วๆ ไปก็สามารถวินิจฉัยอาการป่วยได้แล้ว แต่แพทย์หลายคนในยุคนั้นกลับใช้วิธีการ ชิมขี้หู เสริมด้วย เพราะพวกเขาเชื่อว่าของเสียในร่างกายจะมีรสชาติที่เป็นเฉพาะ ถ้ารสชาติมันเปลี่ยนไปย่อมแสดงถึงความผิดปกติของร่างกาย พวกเขาจึงจะใช้นิ้วแหย่เอาขี้หูคนไข้มาชิม หรืออาจเป็นของเสียอื่นๆ ตามร่างกายเรา
2. น้ำยาเหงื่อไว้สำหรับผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ก่อนการออกกำลังกาย นักกีฬาจะทาน้ำมันมะกอกไปทั่วตัว ซึ่ง น้ำมันดังกล่าว จะมีส่วนผสมของเหงื่อและของเสียที่ถูกขูดออกมาตามผิวหนังโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ (เหมือนในรูปขวา) โดยส่วนผสมดังกล่าวพวกเขาเชื่อว่าจะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เป็นยาที่มีการวางขายจริงในยุคนั้น
3. สิ่งปฏิกูลมีไว้สำหรับสุขภาพของผู้หญิง
ชาวกรีกโบราณเชื่อว่า ผู้หญิงอ่อนแอต่อมลพิษหรือพวกสิ่งเจือปน ทำให้พวกเขาใช้วิธีแปลกๆ ในการรักษาอาการดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่นในกรณีหญิงสาวแท้งลูก พวกเธอจะต้องกินไวน์ที่ผสมกับพวกลำไส้และอุจจาระสัตว์ทอดเข้าไป ในขณะเดียวกันกลับไม่มีการบันทึกว่าผู้ชายต้องทำอย่างนั้นเลย
4. การจามช่วยให้ไม่ท้อง
เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หลังจากที่มีอะไรกันเสร็จ ผู้หญิงจำเป็นต้องจามออกมาทันที ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย หรืออีกวิธีของการป้องกันการตั้งครรภ์คือการทายางสนผสมน้ำผึ้งลงไปบนอวัยวะเพศชาย ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกันอยู่ดี (ออกแนวช่วยหล่อลื่นมากกว่านะ)
5. หินและฟองน้ำถูกใช้แทนกระดาษทิชชู่ในห้องน้ำ
แน่นอนว่าในยุคนั้นยังคงไม่มีกระดาษทิชชู่ออกมาให้ใช้ พวกเขาจึงคิด วิธีการเช็ดตูด โดยใช้ก้อนหินหรือเศษเซรามิกทรงกลม แถมยังมีความเชื่อว่า “หิน 3 ก้อนก็เพียงพอต่อการเช็ดตูดในแต่ละครั้งแล้ว” หรือถ้าใครรวยหน่อยก็จะใช้ฟองน้ำที่ติดอยู่กับกิ่งไม้เช็ดตูดแทน
6. ศพจะถูกหินทับเอาไว้ในโลงก่อนฝังลงไป กดเอาไว้ไม่ให้ศพผุดขึ้นมาจากพื้น
นักโบราณคดี พบว่าโลงศพของคนกรีกโบราณสมัยก่อน บางโลงจะมีหินหรือพวก Amphora (รูปทรงเหมือนแจกันมีหู) กดทับเอาไว้บริเวณเท้า มือ และหัวของศพ เพราะในยุคนั้นพวกเขากลัวว่าศพจะกลายเป็นซอมบี้ผุดขึ้นมาจากพื้น จึงเอาของหนักมาทับเอาไว้ เป็นตรรกะที่สมเหตุสมผลดีนะ
7. ผู้ชายยิ่งหรรมส์เล็กยิ่งมีเสน่ห์
เสน่ห์ของผู้ชายในยุคนั้นคือการมี หรรมส์ขนาดเล็ก สังเกตได้จากรูปปั้นหลายๆ ชิ้นในยุคนั้น ขณะเดียวกัน The Satyr ซึ่งมีหน้าตาค่อนข้างอัปลักษณ์กลับมีหรรมส์ขนาดใหญ่ ซึ่งคนในยุคนั้นเชื่อว่าชายที่มีหรรมส์เล็กคือคนฉลาด และคนหรรมส์ใหญ่เป็นพวกความหยาบคายและไม่มีเสน่ห์
8. นักกีฬาจะออกกำลังกายกันด้วยร่างที่เปลือยเปล่า
ภายในยิมเนเซียมของชาวกรีกโบราณ นักกีฬาจะไม่มีชุดยูนิฟอร์มใดๆ และออกกำลังต่างๆ โดยไม่ใส่เสื้อผ้า หากใครรู้สึกกระดากที่จะทำอย่างนั้น ก็ต้องถูกประจานและถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกคนเถื่อน
9. บอกรักสาวด้วยการโยนแอปเปิลใส่พวกเธอ
แทนที่จะมอบดอกไม้หรือช็อกโกแลต พวกเขากลับใช้วิธีการ ปาแอปเปิล ใส่ผู้หญิงที่ชอบแทน ซึ่งมันเป็นเหมือนกับวิธีการขอพวกเธอแต่งงานกลายๆ ด้วยนะ
10. เสน่ห์ของผู้หญิงคือการมีคิ้วเชื่อมกันและมีคิ้วหนา
ถ้าหากอยากโดนปาแอปเปิลใส่เยอะๆ เรื่องของคิ้วถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เสน่ห์ของพวกเธอนั้นจะถูกตัดสินจากขนบริเวณนี้ ยิ่ง คิ้วหนาและเชื่อมกัน ด้วยก็จะยิ่งมีเสน่ห์ หากใครที่มีคิ้วเล็กบางก็จะต้องเติมสีลงไปให้เข้มขึ้น หรือเอาขนสัตว์มาติดกับคิ้ว
ความเชื่อแต่ละยุคสมัยนี่ย่อมต่างกันไปจริงๆ
ถ้าเอาความเชื่อเหล่านี้มาใช้ในปัจจุบันคงจะดูแปลกมากเลย
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.