ชีวิตของคนเรานั้นต้องพบกับอะไรต่ออะไรที่หลากหลาย จนบางครั้งคนเราก็รู้สึกท้อแท้ในชีวิตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงอย่างนั้น คนเราก็จำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาเพื่อที่จะต่อสู้กับการใช้ชีวิตกันต่อไปในสักวัน
การท้อแท้ ความสิ้นหวัง และความล้มเหลวนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ถ้าหากว่าสิ่งเหล่านั้นมันหนักหนาเกินกว่าที่คุณจะลุกขึ้นมาเองได้แล้วล่ะก็ #เหมียวศรัทธา ขอเป็นแรงในการฉุดรั้งให้ทุกคนลุกขึ้นและก้าวต่อไป ด้วยเรื่องเล่าแห่งแรงบันดาลใจ ทั้ง 5 เรื่องต่อไปนี้
ทุกๆ คนมีเรื่องเล่าของตัวเอง
ชายหนุ่มวัย 24 มองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟที่เขาโดยสารมากับพ่อของเขา และคู่รักแปลกหน้าอีกหนึ่งคู่ เขาแลดูตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นมาก ราวกับเป็นเด็กๆ ที่เพิ่งจะได้ขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรกก็ไม่ผิด
“พ่อๆ ดูสิต้นไม้ผ่านเราไปล่ะ!!!”
พ่อของเขายิ้มให้ชายหนุ่ม แต่ไม่ใช่กับคู่รักที่นั่งมาด้วย สำหรับพวกเขาแล้ว การกระทำของชายคนนี้ มันช่างน่ารำคาญสิ้นดีเลย
“พ่อๆ ดูสิ เมฆลอยตามพวกเรามาด้วย”
แม้ว่าคู่รักคู่นั้นจะยังคงรักษามารยาท และไม่ได้ด่าว่าอะไรออกมา แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามอะไรพ่อของชายหนุ่มเกี่ยวกับอาการเริงร่าเกินควรของลูกชายเขา
“ทำไมคุณไม่พาลูกชายไปหาหมอดีๆ เหรอ? ถ้ายังไงให้พวกเราแนะนำหมอให้ไหม?”
ชายแก่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้คู่รักทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจอะไรผิดไปมาก
“ผมพาเขาไปหาแล้ว ที่จริงแล้วพวกเราเพิ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาลด้วยซ้ำ ลูกชายของผมตาบอดมาตั้งแต่เกิด และเพิ่งจะได้มองเห็นเป็นครั้งแรกในวันนี้ ต้องขอโทษด้วยก็แล้วกันถ้าเขาจะ เริงร่าเกินไปบ้าง”
ทุกๆ คนบนโลกใบนี้มีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองคนล่ะเรื่องสองเรื่อง อย่าได้ตัดสินใครเพียงเพราะเรื่องเล่าของเขาต่างออกไปจากคุณเลย
จงดิ้นรน
ลาของชายคนหนึ่งตกลงไปในหลุมลึก และไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้ จนในที่สุดชายคนนั้นก็ตัดสินใจที่จะฝังลาของเขาไว้ที่นั่น เขาค่อยๆ โกยดินโกยทรายแถวๆ นั้นลงไปในหลุม ทีละนิดทีละนิด ดินเริ่มทับถมลงไปบนตัวของเจ้าลาที่อยู่ในหลุม
ถึงอย่างนั้น เจ้าลาก็ไม่ได้อยากที่จะตาย มันสะบัดดินสะบัดทรายที่ทับถมลงบนตัวของมันออก และตะเกียกตะกายไม่ให้ตัวเองโดนฝัง ชายหนุ่มยิ่งโกยดินทรายลงมามากเท่าไหร่ เจ้าลาก็จะยิ่งตะเกียกตะกาย และสะบัดตัวมากเท่านั้น
ดินทรายที่หลุดร่วงมาจากเจ้าลาตกลงไปที่พื้น เริ่มกองสูงขึ้นเรื่อยๆ และการตะเกียกตะกายของเจ้าลาก็ทำให้ดินที่พื้นนั้นโดนเหยียบจนแน่นพอที่จะยืน จนกระทั่งในที่สุด หลุมที่ว่าก็ตื้นพอที่เจ้าลาจะออกมาจากหลุมได้ในที่สุด
หากคุณกระเสือกกระสนดิ้นรน และไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา สักวันคุณจะต้องก้าวข้ามปัญหานั้นไปได้ ขอให้ทุกคนเชื่อแบบนั้น
เชือกล่ามช้าง
ชายคนหนึ่งสงสัยในสิ่งที่ตัวเองเห็นมากๆ ที่ด้านหน้าของเขามีช้างตัวใหญ่ที่ถูกผูกไว้ด้วยเชือกเส้นเล็กๆ ที่ขาข้างหนึ่ง ไม่มีโซ่ ไม่มีกรง ไม่ว่าดูอย่างไรช้างก็สามารถที่จะกระชากเชือกเส้นนั้นหนีไปได้อย่างง่ายๆ แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง มันกลับไม่ทำเช่นนั้น
ดังนั้นพอเขาเห็นควาญช้าง เขาจึงถามควาญช้างถึงเหตุผลว่าทำไมช้างถึงเป็นแบบนั้น ควาญช้างตอบเขากลับมาว่า “ช้างตัวนี้โดนเชือกแบบนี้ล่ามไว้มาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ในตอนนั้นแม้จะเป็นเชือกเส้นนี้ก็สามารถป้องกันไม่ให้มันหนีได้ ดังนั้นแม้ว่ามันจะโตขึ้น เจ้าช้างก็ยังคงคิดว่ามันไม่มีทางหนีจากเชือกเส้นนั้นได้ และไม่เคยที่จะลองหนีดูเลย”
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมากกับสิ่งที่เขาได้ฟัง สัตว์ที่ตัวใหญ่โตแบบนั้น ไม่สามารถหนีจากสิ่งเล็กๆ ที่พันธนาการมันไว้ได้ เพียงเพราะว่า มันชื่อว่าตัวมันทำไม่ได้ก็เท่านั้น
แม้ว่าเราอาจจะทำอะไรไม่ได้แม้ว่าเราจะเชื่อว่าเราทำได้ สักวันเราก็อาจจะสามารถทำสิ่งนั้นให้มันสำเร็จได้ แต่หากเราไม่เชื่อว่าเราทำอะไรได้ เราก็จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
มันฝรั่ง ไข่ และกาแฟ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกสาวบ่นว่าชีวิตตัวเองมันช่างโชคร้าย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แถมเวลาแก้ปัญหาหนึ่งได้ ก็มีปัญหาใหม่เข้ามาอีก…
เมื่อพ่อของเธอได้ยินดังนั้นเขาก็เดินเข้าไปในครัว ตั้งเตาต้มน้ำร้อน และทำอาหารออกมาสามอย่าง มันคือมันต้ม ไข่ต้ม และกาแฟ เขานำอาหารไปวางให้ลูกสาวของเขา นั่งลงข้างๆ และบอกลูกสาวให้ลองจับอาหารแต่ล่ะอย่างดู หลังจากลูกสาวจับมันฝรั่ง ไข่ต้ม และแก้วกาแฟเสร็จ เธอก็หันมาถามพ่อของเธอว่า
“มันมีอะไรแปลกเหรอพ่อ”
พ่อของเธอยิ้ม และบอกเธอว่าของสามอย่างนี้มีการปรุงแบบเดียวกัน นั่นคือการต้ม แต่ผลที่ออกมานั้นต่างกันมาก มันฝรั่งนั้นแม้ว่าจะเคยแข็ง แต่พอโดนเอาไปต้มก็กลายเป็นอะไรที่อ่อนนุ่ม กลับกันไข่ที่เคยเปราะบาง พอเอาไปต้มก็แข็งแกร่งขึ้นมากพอที่จะอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเปลือกของมันอีกต่อไป
“ของพวกนี้ก็เหมือนกับคน” พ่อของเธอกล่าว “คนเรานั้นแม้ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน เหมือนกับมันฝรั่งและไข่ที่ถูกต้ม แต่ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่เหมือนกัน”
คนบางคนจะเข้มแข็งถึงจากสิ่งที่ตัวเองได้พบเหมือนกับไข่ แต่บางคนก็จะพังทลายลงไม่ต่างจากมันฝรั่ง มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกที่จะเป็นอะไร
“แล้วกาแฟล่ะพ่อ” ลูกสาวถามต่อ
“กาแฟเป็นอะไรที่พิเศษออกไป” พ่อของเธอยิ้ม “หลังจากที่มันโดนน้ำร้อน มันก็เปลี่ยนน้ำพวกนั้นเป็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม และกลายเป็นสิ่งใหม่ๆ”
มันก็เหมือนกับคนที่จะไม่ยอมให้เรื่องที่ตัวเองต้องเจอในชีวิตสูญเปล่าไป และดัดแปลงมันให้กลายเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่ไม่มีใครเห็นมาก่อน
“ตอนนี้ลูกกำลังเผชิญกับน้ำร้อนแห่งการใช้ชีวิตแล้ว” คุณพ่อลูบหัวของลูกสาวอย่างแผ่วเบา “มันฝรั่ง ไข่ หรือว่ากาแฟ อะไรคือสิ่งที่ลูกอยากจะเป็น”
ไอศกรีม
ในวันหนึ่งร้านไอศกรีมมีการลดราคา ดังนั้นจึงมีเด็กสิบขวบเดินเข้ามานั่งในร้านเพียงลำพัง พนักงานเห็นแบบนั้นก็เดินไปหาเขา เสิร์ฟน้ำให้หนึ่งแก้วและยืนรอรับรายการ
“ไอศกรีมซันเดย์ราคาเท่าไหร่เหรอครับ” เด็กหนุ่มถามขึ้น
“50 บาทค่ะ” พนักงานตอบด้วยรอยยิ้มตามมารยาท
เด็กหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงเหรียญจำนวนหนึ่งออกมานับ
“แล้วไอศกรีมเฉยๆ ราคาเท่าไหร่ครับ” เขาถาม ในตอนนั้นลูกค้าในร้านเริ่มที่จะเยอะ พนักงานจึงตอบไปด้วยน้ำเสียงเร่งนิดๆ ว่า “35 บาท”
เด็กหนุ่มนับเหรียญที่มีอีกครั้งและสั่งไอศกรีมเฉยๆ ไป พนักงานรับเมนูอย่างรวดเร็ว เอาไอศกรีมมาเสิร์ฟและไปดูแลลูกค้าคนอื่นต่อ จากนั้นเด็กหนุ่มก็นั่งทานไอศกรีมจนหมด ลุกออกไปจ่ายเงิน และเดินออกจากร้านไป
ในตอนที่พนักงานกลับมาเก็บจานนั้นเอง เธอก็พบกับเหรียญน้อยๆ ร่วมมูลค่าได้ 15 บาท วางอยู่บนกระดาษที่เขียนว่า “นี่ทิปของพี่ครับ”
ที่มา livin3
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.