ปัญหาสุขภาพของเรานั้นมักจะเกิดจากรูปแบบของการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตเกิดจากเหตุผลดังกล่าว และเรายังอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วมันยังมีความลับเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจอีกหลายต่อหลายอย่าง
วันนี้ #เหมียวตะปู จึงมาชวนให้เพื่อนๆ รับรู้เกี่ยวกับความจริงของสุขภาพร่างกายที่จะช่วยแก้ปัญหาสำคัญๆ ต่างๆ ได้ ทำให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขมากยิ่งขึ้น เราลองไปอ่านพร้อมๆ กันเลย
1. การอดอาหารเป็นครั้งคราวส่งผลดีกับระบบภูมิคุ้มกัน
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Southern California สหรัฐอเมริกา บอกว่าการอดอาหารเป็นครั้งคราวสัก 2-4 วัน จะช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น จากการทดลองกับอาสาสมัคร โดยให้พวกเขาอดอาหารอยู่ช่วงหนึ่งในทุกๆ 6 เดือน
ระหว่างการอดอาหารนั้นพบว่าร่างกายของพวกเขาจะเริ่มดึงเอาพลังงานสำรองอย่างเช่นน้ำตาล ไขมัน และคีโทนออกมาใช้ อีกทั้งยังมีการเข้าไปทำลายตัวเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่ได้คือส่วนต่างๆ ที่เสียไปในระบบภูมิคุ้มกันจะมีการสร้างเซลล์เหล่านั้นขึ้นมาใหม่ เหมือนเป็นการต่ออายุให้กับมันนั่นเอง
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะการอดอาหารเป็นเวลานานยังช่วยลดระดับฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความแก่เกินวัย รูปร่าง และลดอัตราการเจริญเติบโตของเนื้องอก ซึ่งรวมไปถึงเนื้อร้ายได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การอดอาหารถือเป็นข้อห้ามสำหรับผู้ที่มีอาการน้ำหนักลดหรือน้อยกว่าปกติ คนที่มีเนื้องอกมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว ผู้ป่วยวัณโรค หัวใจเต้นผิดจังหวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี แผลในกระเพาะอาหาร และตับแข็ง นอกจากนั้นเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูกก็ไม่ควรที่จะอดอาหารเช่นเดียวกัน
2. แสงเพียงน้อยนิดในขณะหลับส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ Nara ประเทศญี่ปุ่น ทำการศึกษากระบวนการนอนหลับของผู้สูงอายุจำนวน 860 คน ซึ่งทั้งหมดไม่มีอาการของโรคซึมเศร้ามาก่อน พบว่าคนที่ไม่ได้นอนในความมืดสนิทจะมีเริ่มเกิดความวิตกกังวลและความเครียด
ศาสตราจารย์ Kenji Obayashi บอกว่าแสงแม้เพียงเล็กน้อยเป็นสิ่งที่ทำลายการทำงานของนาฬิกาชีวิตภายในร่างกาย ส่งผลเสียต่อการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (สิ่งที่ทำให้ร่างกายรู้สึกง่วง) จนอาจทำให้เกิดสภาวะจิตใจในด้านลบและเกิดเป็นอาการของโรคซึมเศร้า
นักวิทยาศาสตร์จึงแนะนำให้ปิดม่านสีทึบไว้ให้ดี รวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถส่องแสงออกมาได้ ไม่เว้นแม้แต่ไฟกระพริบแจ้งเตือนของโทรศัพท์
3. การทำความสะอาดส่งผลต่อปอดของผู้หญิง
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Bergen ประเทศนอร์เวย์ วิเคราะห์ข้อมูลของคน 6,000 คน ที่เข้าไปตรวจเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในโรงพยาบาลของสหภาพยุโรป ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
ผลคือผู้หญิงที่ทำงานเป็นแม่บ้านหรือใช้อุปกรณ์การทำความสะอาดจำพวกสเปรย์หรือที่ฉีดละออง ปอดของคนเหล่านั้นจะมีการเสื่อมสภาพลงไปอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งการทำงานเป็นแม่บ้านในช่วง 20 ปีของพวกเขาส่งผลเสียต่อการทำงานของปอดเป็นอย่างมาก เทียบได้กับการสูบบุหรี่มา 20 ปี
นอกจากนั้นสาวๆ ที่เป็นแม่บ้านมักจะมีอาการของโรคหอบหืด โดยปัญหานี้กลับไม่พบในผู้ชาย นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่าทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทั้งหลายในการทำความสะอาด
4. การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการเพิ่มโอกาสเกิดของโรคปอดบวม
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Queen Mary ประเทศอังกฤษ ได้ทำการทดลองกับหนูในเรื่องของการสูบพวกไอน้ำเข้าไป เผยว่ามันคือสิ่งที่มีส่วนต่อการเกิดโรคปอดบวม
และการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นยังไปกระตุ้นแบคทีเรียที่เกาะอยู่บริเวณทางเดินหายใจ ทำให้ปอดเกิดอาการอักเสบขึ้นมาได้ โดยนักวิจัย Jonathan Grigg อธิบายว่าแบคทีเรียเหล่านั้นสามารถอาศัยอยู่ได้ตามปกติ แต่บางกรณีอย่างเช่นการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้มันเข้าไปกระตุ้นและเจาะผนังเซลล์ได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นโรคปอดบวมในที่สุด
5. การมองโลกในแง่บวกช่วยลดอาการของโรคหัวใจได้เป็นอย่างมาก
นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Duke Clinical Research และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย วิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจคนไข้ที่มีอาการภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบแบบเรื้อรังจำนวน 2,400 คน พบว่าคนไข้ที่มีทัศนคติในแง่บวกเกี่ยวกับการรักษาในโรงพยาบาล อาการของโรคจะลดลงไปมากกว่าคนที่มีทัศนคติในแง่ลบ ต่างกันราวๆ 30-40 เปอร์เซ็นต์
อารมณ์ในแง่บวกนั้นจะช่วยลดระดับของอดรีนาลีนและคอร์ติซอล (ฮอร์โมนแห่งความเครียดและความวิตกกังวล) ซึ่งเท่ากับเป็นการลดระดับความดันของเลือด และลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจกับโรคหัวใจวาย
6. การกินกาแฟทำให้หน้าอกสาวๆ เล็กลง
งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Cancer พิสูจน์แล้วว่าการดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วหรือมากกว่านั้น ส่งผลให้หน้าอกผู้หญิงเกิดการหดตัว ยิ่งดื่มเยอะยิ่งหดเยอะ เป็นผลมาจากฮอร์โมนพิเศษที่ทำงานเชื่อมทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน
นอกจากนั้น โรคการกินแบบผิดปกติ เองก็ส่งผลต่อขนาดหน้าอกเช่นเดียวกัน เพราะทั้งร่างกายจะมีน้ำหนักลดลงไป รวมถึงจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมน
7. การเพาะกายไม่ได้ทำให้ผู้ชายแข็งแรงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Manchester Metropolitan พบว่าการฝึกเพาะกายไม่ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทางกายภาพ แม้กล้ามเนื้อจะขยายตัวออกมาจนเห็นได้ชัดก็ตาม
ศาสตราจารย์ Hans Degens อธิบายการศึกษาเกี่ยวกับเส้นใยกล้ามเนื้อของนักเพาะกาย นักวิ่ง และคนปกติทั่วไป แสดงให้เห็นว่ากล้ามเนื้อของนักเพาะกายนั้นจะส่งผลต่อความแข็งแรงของร่างกายได้น้อยกว่ากล้ามเนื้อของคนที่ไม่ใช่นักเพาะกาย
Hans บอกว่า “การเติบโตของกล้ามเนื้อที่มากจนเกินไปส่งผลเสียต่อคุณภาพของกล้ามเนื้อ มันจะดีกว่าถ้าเราพยายามทำให้กล้ามเนื้ออยู่ในขนาดปกติ แทนที่จะพยายามไปเร่งขยายมันให้ใหญ่”
8. การเป็นโสดดีต่อลักษณะรูปร่าง
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Central University of Queensland ประเทศออสเตรเลีย ทำการศึกษากับคนจำนวนกว่า 15,000 คนมามากกว่า 9 ปี จึงสังเกตเห็นว่าคนที่มีแฟนหรือคบหากับใครสักคนอยู่ พวกเขามักจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าคนโสดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ (คนโสดนั้นรวมคนที่เป็นม่ายและคนที่หย่าร้าง)
ต่อให้คนมีคู่จะกินอาหารอย่างสมดุลครบ 5 หมู่ สูบบุหรี่น้อยกว่าคนโสด หรือดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่าคนโสด ถึงอย่างนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมีน้ำหนักมากกว่าอยู่ดี
นั่นเป็นเพราะตอนช่วงเวลาอาหารเย็นสำหรับทุกคนในครอบครัว คนมีคู่มักจะกินอาหารในปริมาณที่มากกว่าคนโสด นอกจากนั้น Natalie The ผู้นำการศึกษาในครั้งนี้ยังอธิบายอีกว่า คนที่แต่งงานแล้วจะไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการรักษาหุ่น ทำให้พวกเขากินมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง
9. ความสุขของเราเกิดได้จากการเล่นอินเทอร์เน็ต
นักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์จากศูนย์ Technology Innovation and Culture ของมหาวิทยาลัย Oslo ทำการสำรวจคนยุโรปกว่า 100,000 คน ได้ข้อสรุปว่าการใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันคือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข
พวกเขาบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องของเวลาที่ใช้ในแต่ละครั้ง แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันไปกับเรื่องอะไรเป็นหลัก และสิ่งนั้นจะช่วยส่งผลต่อความรู้สึกอันเป็นสุขของเรา
ผู้เชี่ยวชาญยังพบอีกว่าวิธีการนี้ช่วยให้เราสามารถข้ามผ่านช่วงวัยทองไปได้ไวขึ้นและง่ายขึ้นด้วย
10. นอนแก้ผ้ามีประโยชน์กว่าการใส่ชุดนอน
ผู้เชี่ยวชาญจาก มูลนิธิการนอนหลับนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่าการนอนแก้ผ้าส่งผลดีกับเรามากกว่าการใส่ชุดนอนหรือการใส่ชุดชั้นในนอน โดยดอกเตอร์ Sarah Brewer อธิบายไว้ดังนี้
ร่างกายของเราจะปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมสำหรับการนอนหลับอย่างเต็มที่ เสื้อผ้าจึงเป็นสิ่งที่ทำลายระบบนั้นทำให้ร่างกายร้อนจนเกินไป ส่งผลต่ออาการนอนไม่หลับ ส่วนความหนาวนั้นจะทำให้ร่างกายของเราผลิตฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มการฟื้นฟูของเซลล์ต่างๆ ช่วยเรื่องสุขภาพผิวและผมของเราได้
นอนแก้ผ้ายังช่วยลดโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อหรือเชื้อราบริเวณจุดซ่อนเร้น การปลดเปลื้องสายรัดตามร่างกาย หรือพวกยางยืดตรงกางเกง ส่งผลดีต่อระบบการไหลเวียนโลหิต
อย่างสุดท้ายที่สำคัญคือการนอนแก้ผ้ายังช่วยให้เราเกิดความใกล้ชิดกับคนใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อผิวของเราสัมผัสกับคนข้างตัวเมื่อไหร่ มันจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมน Oxytocin เพิ่มความต้องการทางเพศได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นจะทำอะไรก็คงจะเข้าใจกันเอง
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.