13 ความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับการพัฒนาของสมองและทักษะความคิดของเรา

สมองของคนเรา ถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่เปรียบดังกับห้องควบคุมของร่างกายเราและยังมีหน้าที่ต่างๆ อีกมากมาย

และเพื่อที่จะสนับสนุนให้สมองได้ทำงานได้ยอดเยี่ยมอยู่ตลอด หลายๆ คนจึงพยายามหาวิธีพัฒนาและข้อเท็จจริงของสมองอยู่ตลอดเวลา

แต่เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รู้จักสมองของมนุษย์ดียิ่งขึ้น วันนี้ #เหมียวโคบี้ จึงได้นำความเชื่อที่หลายๆ คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมองมาให้ได้ฟังกันครับ

 

1. ความเชื่อ: สมองไม่เคยเหน็ดเหนื่อย

ข้อเท็จจริง: สมองไม่เหนื่อยต่อการใช้ความคิดก็จริง แต่ทางด้านร่างกายและจิตใจยังคงเหนื่อยอยู่ดี โดยที่มีงานวิจัยออกมาว่า สมองนั้นจะทำงานได้ดีขึ้นเมื่อคุณอยู่ในที่ที่สามารถได้ยินเสียงคลื่น รู้สึกถึงสายลมเค็มๆ และสามารถเห็นสีโทนน้ำเงินรวมถึงรู้สึกถึงทรายอุ่นๆ

 

2. ความเชื่อ: การวาดรูปไม่สามารถทำให้เก่งคณิตได้

ข้อเท็จจริง: จากการศึกษาพบว่าเด็กจะสามารถเรียนรู้คณิตศาสตร์และมีความจดจำได้ดีและรวดเร็วขึ้นหากพวกเขามีการวาดภาพต่างๆ หรือดูเดิลลงในสมุดของพวกเขา

 

3. ความเชื่อ: การเล่นชิงช้ามีไว้สำหรับเด็กๆ เท่านั้น

ข้อเท็จจริง: การเล่นชิงช้าจะทำให้มีการพัฒนาสมองในบางส่วนที่เกี่ยวกับด้านการพูดและการประมวลผลข้อมูล รวมยังช่วยพัฒนาในด้านการรับรู้ทิศทาง ระยะใกล้-ไกล้ได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

4. ความเชื่อ: สัมผัสที่หกไม่มีอยู่จริง

ข้อเท็จจริง: จริงๆ แล้วสิ่งที่เรียกว่าสัมผัสที่หกนั้นมีอยู่จริง แต่มีอยู่ในเหล่าผู้คนที่มีความจำเป็นต้องพัฒนาอวัยวะอย่างอื่นเพื่อนมาทดแทนอวัยวะที่หายไป อย่างเช่นคนตาบอดสามารถรับรู้ที่ว่างต่างๆ รอบตัวของเขาได้ จากการที่สมองจะมุ่งเน้นไปที่ประสาทสัมผัสการได้ยิน ได้กลิ่นหรือการรับรู้ทางผิวหนังแทน

 

5. ความเชื่อ: หมากรุกคือกีฬาที่บริหารสมองได้ดีที่สุด

ข้อเท็จจริง: มีการศึกษาพบว่าการออกกำลังกายทางกายภาพสามารถพัฒนาสมองได้มากกว่า ในขณะที่ออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่สามารถช่วยเพิ่มความจำ การผสมผสานทักษะใหม่ๆและสามารถเก็บรักษาเซลล์ประสาทที่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่ได้ดีขึ้น

 

6. ความเชื่อ: นมดีต่อสมอง

ข้อเท็จจริง: มีอาหารอย่างอื่นที่ดีต่อสมองและร่างกายเยอะกว่านมมากๆ อย่างเช่นไวน์ ช็อกโกแลตหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์และนั่นทำให้คุณควรบริโภคอาหารชนิดอื่นๆ นอกจากนมให้มากๆ ด้วย

 

7. ความเชื่อ: ทักษะหลายๆ อย่างจะเรียนรู้ได้เฉพาะตอนเด็กเท่านั้น

ข้อเท็จจริง: เกือบทุกทักษะสามารถเรียนรู้ได้ในวัยโตทั้งนั้น อย่างเช่นทักษะการเล่นดนตรีต่างๆ เราสามารถฝึกฝนเมื่ออายุเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น 30 50 หรือ 60 ขึ้นไปก็ตาม

 

8. ความเชื่อ: ความคิดเชิงบวกคือสิ่งสำหรับเด็กๆ และพวกไม่มีประสบการณ์

ข้อเท็จจริง: การที่มีความคิดเชิงบวกจะสามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้มากถึง 29% และลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง 41% ดังนั้นการคิดเชิงบวกไม่ใช่เฉพาะเรื่องของเด็กๆ อีกต่อไป เพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่คุณได้มากมาย

 

9. ความเชื่อ: มีแค่บางคนเท่านั้นที่มีความสามารถทางคณิตศาสตร์ ที่เหลือนั้นไม่มี

ข้อเท็จจริง: ทุกคนมีความถนัดทางคณิตศาสตร์หมด แต่แสดงออกมาต่างรูปแบบกัน โดยพื้นฐานแล้วคณิตศาสตร์นั้นคือสัญชาตญาณ ที่จะช่วยพัฒนาทักษะการเอาชีวิตรอด เช่นสามารถระบุถึงจำนวนของเผ่าศัตรู เพื่อที่จะฝึกทักษะนั้นๆ ควรเริ่มจากสิ่งง่ายๆ อย่างเช่นเกมเศรษฐีเพื่อฝึกทักษะคำนวณและกลยุทธ์

 

10. ความเชื่อ: ดื่มกาแฟทุกวันนั้นดีต่อความจำ

ข้อเท็จจริง: คาเฟอีนสามารถช่วยพัฒนาความจำได้ก็จริง แต่ว่าคุณอาจไม่ต้องดื่มมันทุกวันก็ได้ ลองหันไปอ่านหนังสือแทนสักสัปดาห์ละ 1-2 เล่มก็สามารถพัฒนาความจำของคุณได้ แถมได้ความรู้ด้วยนะ

 

11. การใช้ระบบ Navigator จะช่วยให้จำสถานที่ได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนาด้านการรับรู้ทิศทาง ระยะใกล้-ไกลได้ดี

ข้อเท็จจริง: มีแนวโน้มจากการใช้ระบบ Navigator จะทำให้หลายๆ คนนั้นลืมทางไปสถานที่ต่างๆ มากขึ้น ตรงกันข้ามกับการใช้แผนที่แบบแผ่นจริงๆ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถจดจำรายละเอียดของเส้นทางและระยะทางใกล้ไกลได้ดีกว่า

 

12. ความเชื่อ: การกระตุ้นสมองด้วยคลื่อนไฟฟ้าจะทำให้สมองเสียหาย

ข้อเท็จจริง: การกระตุ้นด้วยคลื่อนไฟฟ้าที่ปกติจะใช้โดยนักวิทยาศาสตร์ นักกีฬาหรือคนที่รักษาตัวจากการบาดเจ็บที่สมอง การกระตุ้นนี้จะช่วยพัฒนาความคิด ปฏิกิริยา ความจำ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์เอามากๆ

 

13. ความเชื่อ: เวลามีความสุขเป็นปัจจัยหลักของการพัฒนาสมอง

ความจริง: ฮอร์โมน Dopamine จะหลั่งออกมายามที่รู้สึกมีความสุขเช่นการที่ได้กินของหวาน ดื่มแอลกอฮอล์หรือมีความรัก ซึ่งจะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้นเพียง “ชั่วคราว” เท่านั้น

แต่มันยังมีอีกฮอร์โมนที่จะช่วยสมองพัฒนาได้ในระยะยาวกว่า Dopamine นั่นคือ Serotonin ที่คุณจะสามารถได้รับเวลาที่ความต้องการบรรลุผล หัวเราะหรือได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ชอบกับคนอื่นๆ เช่นไปดูหนังด้วยกันกินข้าวด้วยกัน

ดังนั้นควรใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ท่องเที่ยวให้บ่อยๆ พบเจอคนใหม่ๆ เสียบ้าง

 

ที่มา Brighside

 

Comments

Leave a Reply