เราจะไม่นกแล้ว!? Facebook เตรียมเพิ่มความสามารถใหม่ ให้คุณ “หาคู่” ได้ง่ายขึ้น

ดูเหมือนว่าตอนนี้ Facebook จะพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีความสามารถรอบด้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกเป็นเพียงเครือข่ายสังคมออนไลน์ ก็เริ่มปรับให้คอนเทนต์วิดีโอมีความสำคัญมากขึ้น ล่าสุดทาง Facebook เริ่มที่จะเพิ่มความสามารถใหม่อย่างการหาคู่เข้าไปด้วย!?

 

 

สำหรับหนุ่มสาวที่ไม่ค่อยจะมีโอกาส ไม่มีเวลา หรือนกตลอด นี่อาจเป็นโอกาสของคุณ เพราะพวกเขาเตรียมเปิดความสามารถในการหาคู่ ให้คุณได้สร้างโปรไฟล์และข้อมูลต่างๆ ลงไปในหน้า Facebook ของตัวเอง และแน่นอนว่ามันจะแสดงให้เห็นเฉพาะคนที่ไม่ใช่เพื่อนของคุณเท่านั้น (อยากให้ใครเห็นก็ไป Unfriend เขาซะนะ)

Facebook ได้เปรียบกว่าแอปฯ อื่นๆ ตรงที่มันมีข้อมูลแทบจะทุกอย่างในชีวิตของคุณอยู่แล้ว ทำให้การจับคู่กับคนอื่นๆ นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและตรงกับสิ่งที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ตั้งค่ามันให้จับคู่กับคนที่คุณตั้งค่าเอาไว้เท่านั้น

 

 

Facebook ได้ออกมาอธิบายว่า “การจับคู่ที่จะเกิดขึ้นจะอิงการแนะนำตามการตั้งค่าการเดตจากสิ่งที่มีเหมือนกันและมีเพื่อนร่วมกัน พวกเขาจะมีตัวเลือกในการค้นหาคนที่มีความสนใจเหมือนกันผ่าน กลุ่ม (Groups) หรือกิจกรรมต่างๆ (Events) ด้วย”

 

 

การทำงานของความสามารถนี้

1. ให้คุณได้เลือกสร้างโปรไฟล์ได้เพียงแค่ใส่ชื่อจริงของคุณ โปรไฟล์ของคุณจะไม่แสดงให้เพื่อนๆ ของคุณเห็น หรือคนที่ไม่ได้ใช้ความสามารถนี้ และมันจะไม่แสดงในนิวฟีด

2. คุณจะสามารถเรียกดูกิจกรรม (Events) ในเมืองของคุณ หรือกลุ่ม (Group) เพื่อหาคนที่มีความสนใจเหมือนๆ กับคุณได้

3. คุณสามารถกดดูโปรไฟล์ของคนและดูรูปของพวกเขาได้เล็กๆ น้อยๆ พร้อมกับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับอุปนิสัยและความสนใจของพวกเขา ซึ่งก็แปลว่าคนอื่นๆ จะสามารถดูข้อมูลของคุณได้ด้วย ทั้งเพื่อนที่มีร่วมกัน และความสนใจที่มีเหมือนๆ กัน

4. ถ้าหากพวกคุณทั้งสองสนใจในกันและกัน คุณจะสามารถเริ่มบทสนทนากับเขาได้ในแชตบ็อกซ์พิเศษของ Facebook ซึ่งจะแยกออกจากกล่องข้อความปกติ และจะส่งได้เพียงแค่ข้อความเท่านั้น (เพื่อความปลอดภัย)

 

 

ความสามารถนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและจะเริ่มเปิดให้ทดลองใช้ได้ในช่วงปลายปีนี้ แม้จะมีผู้คนที่ตั้งตารอความสามารถนี้ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่แสดงความกังวล ว่ามันอาจจะสร้างประสบการณ์แย่ๆ ให้แก่ผู้ใช้ได้ แล้วคุณล่ะคิดเห็นอย่างไร?

 

ที่มา techcrunchmspoweruser

Comments

Leave a Reply