ในปี 1868 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ยุคเมจิ อันเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากประเทศปิดสู่การเปิดรับความเจริญจากนานาประเทศทั่วโลก ยุคเมจิถือว่าเป็นยุคที่วางรากฐานการเปลี่ยนโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการศึกษา
ในช่วงเวลาดังกล่าว การเดินทางข้ามประเทศของการทูตเริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์แล้ว ยังเป็นการศึกษาระบบการศึกษา โครงสร้างสังคมของสหรัฐอเมริกาและยุโรปด้วย โดยจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มี ‘ผู้หญิงชาวญี่ปุ่น’ คนแรกที่ได้สำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัยคนนี้
เธอมีชื่อว่า Sutematsu Yamakawa (ชื่อเดิม Sakiko) เกิดในปี 1860 ในช่วงเวลานั้นเธอมีอายุได้เพียง 12 ปี และได้กลายเป็นหนึ่งในห้าของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สมัครใจไป เธอถูกบีบบังคับ
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นพ่ายแพ้ต่อการรุกรานของต่างชาติ ถูกห้อมล้อมไปด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ญี่ปุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากประเทศคนเถื่อนเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ
และจากน้ำมือของพี่ชายที่เซ็นสัญญามอบตัวไปอเมริกาโดยที่ไม่ถามเธอสักคำ มีเหตุผลเพียงสองข้อนั่นก็คือ เพื่อยกระดับชื่อเสียงของครอบครัว และไม่ต้องมาคอยเลี้ยงดูให้เป็นภาระของครอบครัวอีกต่อไป…
กลุ่มผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางออกนอกประเทศสู่สหรัฐอเมริกา ด้วยการบีบบังคับทั้ง 5 คน
สำหรับ Sutematsu นั้น ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่คำเดียว และจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกพร้อมกับผู้หญิงอีก 4 ราย (ที่ถูกบังคับมาเหมือนกัน)
พวกเธอรู้สึกกลัว แบกรับความกดดันจากรอบตัว และพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ ละทิ้งชีวิตเก่าเอาไว้เป็นเบื้องหลัง…
หลังจากที่เดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา พวกเธอทั้ง 5 ต่างถูกส่งตัวแยกไปยังสถานสงเคราะห์ตามที่ต่างๆ และช่วงหนึ่งที่พวกเธอพยายามพูดคุยกับผู้มีชื่อเสียงของที่นั่นว่าสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่ พวกเขาก็ตอบกลับมาด้วยสำเนียงล้อเลียนพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน…
ไม่นานนัก หญิงชาวญี่ปุ่น 2 รายที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากแบกรับความเครียดไม่ไหว
แม้จะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่ Sutematsu ยังคงตรากตรำและมุ่งมั่น พยายามเรียนรู้จนมีผลการเรียนในระดับดีเยี่ยม เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในคลาสที่ได้เรียนต่อในระดับวิทยาลัย และกลายมาเป็นผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่มีความรู้มากที่สุดแห่งยุคนั้น…
‘ประเทศของฉันไม่อาจก้าวหน้าได้ จนกว่าผู้หญิงและผู้เป็นแม่จะได้รับการศึกษา’
หลาย 10 ปีกับการใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา เธอต้องกลับมาใช้ชีวิตในประเทศแม่ของตนเองอีกครั้ง และกลุ่มหญิงสาวเหล่านี้ มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนประเทศของตนให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น…
การกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเดิมเป็นสิ่งที่ยากลำบาก เพราะเธอลืมภาษาท้องถิ่นของตนเองแทบจะหมดสิ้น เธอมีความกังวล เธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และต้องใช้ชีวิตปรับตัวเป็นเวลานานอีกหลายปี ก่อนที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศของตนเอง
‘ฉันไม่อาจบอกคุณได้ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาสัก 1 ครั้ง’
Sutematsu จับกลุ่มกับผู้หญิงอีก 2 คนที่ถูกส่งตัวไปอเมริกาเหมือนกัน นามว่า Shige และ Ume ทั้ง 3 ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เพื่อเป้าหมายเดียวกัน
พวกเธอเริ่มตามล่าเป้าหมายที่มีร่วมกันนั่นก็คือ ‘สร้างโรงเรียนสำหรับผู้หญิง’ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว Sutematsu จำใจที่จะต้องแต่งงานกับชายที่เธอไม่ได้รัก เพื่อหาเงินมาใช้ในการสร้างโรงเรียน
จอมพล Iwao Oyama
เธอต้องแต่งงานกับจอมพล Iwao Oyama รัฐบุรุษของจักรวรรดิญี่ปุ่น แม้ในตอนแรกเธอจะขัดขืนไม่อยากทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการอีกแล้ว แต่เพื่ออนาคตของประเทศ เธอยอมเสียสละอีกครั้ง และตกลงแต่งงานกับเขา
และด้วยพระคุณเจ้าอุปถัมภ์จากจักรพรรดินี เธอจึงเริ่มสร้างสถาบันสอนผู้หญิงชั้นสูงเป็นอันดับแรก พา Shige และ Ume มาเป็นครูสอนประจำสถาบัน…
เธอเปลี่ยนสกุลอีกครั้งเป็น Sutematsu Oyama และถูกยกสถานะให้เป็นเจ้าหญิง
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ชื่อเสียงของเธอเริ่มมีมากขึ้น และกลายมาเป็นเป้าหมายของการซุบซิบนินทาถึงเรื่องในอดีตที่ว่า เธอไปอยู่เมืองนอกมานาน เธอไม่มีเชื้อไขของชาวญี่ปุ่นหลงเหลือแล้ว อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดกับจักรพรรดินีมากเกินไป
และความเสียสละของเธอก็ส่งผลงอกเงย ในปี 1899 รัฐบาลกำหนดนโยบายใหม่ ให้แต่ละจังหวัดสร้างโรงเรียนสำหรับผู้หญิงอย่างน้อยหนึ่งแห่ง
ทำให้ Ume ดำเนินการขั้นต่อไปด้วยการลาออกจากการสอนในสถาบันเก่า มาสร้างวิทยาลัยสำหรับผู้หญิงเป็นแห่งแรก ที่เปิดสอนให้กับผู้หญิงทุกระดับชนชั้น โดยมี Sutematsu หาทุนมาช่วยสนับสนุนเป็นเบื้องหลัง
ในปี 1919 ไข้หวัดใหญ่ระบาดหนักในกรุงโตเกียว ทำให้ Ume มีสุขภาพที่ย่ำแย่ จนต้องลาออกจากการบริหารวิทยาลัย ส่วน Sutematsu นั้นมีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือ หนีโรคระบาด หรือ คอยอยู่บริหารต่อ
และเธอเลือกที่จะอยู่ดูแลต่อ…
Sutematsu เลือกที่จะอยู่ต่อ เพื่อให้มั่นใจว่าวิทยาลัยยังคงอยู่มอบความรู้ต่อไปได้ และหลังจากที่สามารถหาคนมาบริหารแทนเธอได้เพียงหนึ่งวัน เธอก็เริ่มมีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง และเสียชีวิตในอีก 2 อาทิตย์ต่อมา
และ Sutematsu จะกลายเป็นที่จดจำในฐานะ หญิงชาวญี่ปุ่นผู้เสียสละ เปลี่ยนรากฐานการศึกษาของประเทศได้อย่างยิ่งใหญ่
ที่มา : rejectedprincesses, boredpanda, viralwork, junkhost,
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.