ในวันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์หัวหน้าบาทหลวงที่กำลังรักษาตำแหน่งจำนวน 31 คน และที่เกษียณอายุแล้วอีก 3 คนได้ตัดสินใจยืนเอกสารลาออกจากตำแหน่ง
การตัดสินใจในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่มีการเรียกประชุมฉุกเฉินเป็นเวลาสามวันของทางวาติกันหลังจากที่ได้รับจดหมายการร้องเรียนกว่า 2,300 ฉบับที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และการกลบเกลื่อนคดีในโบสถ์ที่ชิลี
คดีที่กว่านี้เกิดขึ้นจากการที่หัวหน้าบาทหลวง Juan Barros โดนกล่าวหาว่าช่วยกลบเกลื่อนคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กๆ จำนวนมากของบาทหลวง Fernando Karadima เมื่อช่วงปี 80-90 โดยที่เชื่อกันว่าทางโบสถ์ที่ชิลีนั้นรู้ถึงการกระทำของบาทหลวง Karadima แต่ก็เลือกที่จะนิ่งเฉยไม่ทำอะไร
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังได้มีการกล่าวหาหัวหน้าบาทหลวงของชิลีอีกว่า พวกเขาทำลายหลักฐานของคดีอาชญากรรมทางเพศ กดดันนักสืบผู้สืบสวนคดี และละเลยที่จะคุ้มครองเด็กๆ จากนักบวชเฒ่าหัวงู
ซึ่งทางผู้ถูกกล่าวหา บาทหลวง Karadima ที่ขณะนี้อายุได้ 87 ปีก็ยังไม่เคยยอมรับความผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนหัวหน้าบาทหลวง Barros เองก็บอกว่าบาทหลวง Karadima นั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิด
ดังนั้นการตัดสินใจลาออกพร้อมกันทั้งประเทศในครั้งนี้ จึงอาจจะมองได้ว่าเป็นการยอมรับในความผิด และแสดงความรับผิดชอบพร้อมกันเป็นหมู่คณะของทางหัวหน้าบาทหลวงในชิลีก็ว่าได้
โดยจากเนื้อความในจดหมายนั้น ทางเหล่าหัวหน้าบาทหลวงบอกว่า
“เราได้วางตำแหน่งของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดาและจะปล่อยให้พระองค์ทรงตัดสินพวกเราทุกคนอย่างอิสระ… เราต้องการที่จะขออภัยสำหรับความเจ็บปวดที่เกิดกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ พระสันตะปาปา คนของพระเจ้า และประเทศของเรา สำหรับข้อผิดพลาดร้ายแรง และการเพิกเฉยที่เราได้กระทำ”
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีการรายงานใดๆ จากทางวาติกันว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะยอมรับการลาออกจากตำแหน่งครั้งใหญ่ในครั้งนี้หรือไม่
ที่มา cnn, theguardian, vox
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.