เว็บไซต์ Washingtonpost ได้เปิดเผยเรื่องราวของ Emory Ellis ชายไร้บ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐฯ ที่ไปซื้อเบอร์เกอร์ในร้าน Burger King เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2015
แต่มันดันกลายเป็นเรื่องเป็นราวก็เพราะว่าในขณะที่กำลังจะจ่ายเงิน นาย Ellis ได้ยื่นแบงก์ 10 ดอลลาร์ให้พนักงาน แต่พนักงานของร้านคิดว่านั่นคือแบงก์ปลอม จึงได้ทำการแจ้งจับนาย Ellis ทำให้เขาต้องไปใช้ชีวิตในเรือนจำนานถึง 3 เดือน
แต่หลังจากออกมาจากเรือนจำ เขาก็พยายามที่จะต่อสู้คดีเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานเพิ่มเติมว่านาย Ellis ได้ทำการฟ้องร้องร้าน Burger King สาขานั้น
เขาเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 32 ล้านบาท เนื่องจากได้รับบริการที่เลือกปฏิบัติในฐานะที่เขาเป็นคนผิวสีและไร้บ้าน
การฟ้องร้องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงกันในระดับชาติ เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อคนผิวสีในธุรกิจต่างๆ และที่สาธารณะ
เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าชายไร้บ้าน 2 คน ถูกใส่กุญแจมือในร้าน Starbucks ที่ฟิลาเดเฟีย ไปจนถึงข่าวที่หญิงสาวผิวสี 5 คนถูกแจ้งความเนื่องจากเล่นกอล์ฟช้าเกินไป
ด้าน Justin Drechsler ทนายของนาย Ellis กล่าวว่า “ผมรู้ว่าถ้าผมเดินเข้าไปใน Burger King พร้อมกับถือแบงก์ 10 ดอลลาร์เหมือนกับเขา คงไม่มีใครมาพิจารณามันหรอก ผมคงไม่ถูกกล่าวหาอะไรเลย และแน่นอนว่าตำรวจคงไม่เรียกผมไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
นอกจากนี้จากการตรวจสอบของเว็บไซต์ Washington Post พบว่าพนักงาน Burger King ยังปฏิเสธที่จะคืนเงิน 10 ดอลลาร์นั้นให้กับนาย Ellis ในวันเกิดเหตุด้วย และขู่ว่าหากเขาไปออกไปจากร้านพวกเขาจะแจ้งตำรวจ
ทางฝั่งโฆษกของ Burger King ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสื่อว่าพวกเขาไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติ “ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม” แต่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้
ที่มา washingtonpost
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.