ในชีวิตของคนเราอาจจะต้องพบเจอปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เราต้องบาดเจ็บและเสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์เสี่ยงอันตรายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากหากจำได้ แต่หลายๆ คนนั้นหลงลืมและมองข้ามไป
วันนี้เราจึงขอเสนอ วิธีแก้ไขเมื่อพบกับ 11 สถานการณ์อันตราย เมื่อใดที่ร่างกายบาดเจ็บหรือเจออุปสรรคเราก็สามารถนำวิธีเหล่านี้มาใช้ได้ยังไงล่ะ
1. กระแสน้ำย้อนกลับ
เมื่อเราลงเล่นน้ำในทะเล ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณชายหาด แต่มันก็อาจจะเกิดกระแสน้ำที่พัดตัวเราออกจากฝั่งได้ กระแสน้ำนี้เรียกว่า กระแสน้ำย้อนกลับ ซึ่งทำให้ผู้คนต้องจมน้ำกันมานักต่อนักแล้ว
โดยปกติกระแสน้ำย้อนกลับจะเกิดขึ้นเป็นบริเวณแคบๆ ฉะนั้น หากพบเจอ ควรรีบว่ายไปยังกระแสน้ำนิ่งโดยการว่ายขนาบไปกับแนวชายหาด โดยพยายามอย่าว่ายสวนกระแสน้ำย้อนกลับมันทำให้เสียแรงเปล่า เมื่อว่ายออกจากจุดอันตรายได้แล้วจึงค่อยว่ายกลับขึ้นฝั่ง
ที่มา: https://www.nytimes.com/2017/07/31/us/riptide-rip-current-drowning-safety.html
2. อาหารติดคอ
ปกติถ้าเพื่อนของเรามีอาการอาหารติดคอเราอาจจะเอามือตบหลัง แต่ที่จริงแล้วมันมีวิธีที่ดีและปลอดภัยกว่านั้น ลองวิธีนี้ดู ให้ไปยืนข้างหลังเพื่อนที่มีอาหารติดคอ โอบกอดจากด้านหลัง
สองมือจับกันไว้ โดยที่มือข้างหนึ่งต้องยกนิ้วโป้งขึ้นมาดังภาพด้านล่างซ้าย ค่อยๆ กดลงพร้อมดึงขึ้นที่บริเวณหน้าท้องของเพื่อนอย่างรวดเร็ว ทำซ้ำๆ จนกว่าอาหารที่ติดคอจะหลุดออก
ที่มา: https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-choking/basics/art-20056637
3. ถูกไฟช็อต
อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อเพื่อนถูกไฟฟ้าช็อต เราไม่ควรไปจับตัวหรือดึงเพื่อนออกมาด้วยมือเปล่า เพราะกระแสไฟฟ้าอาจทำอันตรายให้กับเราอีกทอดหนึ่งได้
ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้รีบถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออก ใช้สิ่งของไม่นำไฟฟ้าผลักตัวเพื่อนที่ถูกไฟฟ้าช็อตออกห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้า (ใช้ไม้หรือพลาสติก เช่น ด้ามไม้กวาด) แล้วก็อย่าลืมสวมถุงมือยางด้วย
ถ้าเหตุการณ์สงบลงไม่ควรแตะต้องเพื่อนด้วยมือเปล่า ให้เรียกรถพยาบาล แต่ถ้าเพื่อนยังมีอาการไฟฟ้าช็อตอยู่ให้รีบนำตัวเพื่อนออกห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 9-10 เมตร
ที่มา: https://www.webmd.com/first-aid/electric-shock-treatment
4. แผลไหม้
เมื่อเกิดแผลไหม้ หลายคนอาจใช้ครีม เนย หรือแม้แต่ยาสีฟันมาทาบริเวณแผล ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ไม่แนะนำอย่างยิ่งเพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้มากกว่าเดิม
ที่ถูกต้องคือ เมื่อเกิดแผลไหม้ควรลดอุณหภูมิผิวด้วยการล้างน้ำเย็นหรือใช้ของเย็นประคบ หากมีตุ่มน้ำพยายามอย่าเจาะหรือเปิด แต่ถ้ามันแตกเองห้ามใช้น้ำล้างเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ให้พันด้วยผ้าแผลแล้วไปหาหมอ
จะดีมากหากมีครีมที่ใช้สำหรับแผลไหม้ติดไว้ที่บ้าน เพราะมันจะช่วยลดความเจ็บปวดแถมช่วยรักษาผิวที่ถูกเผาไหม้อีกด้วย
ที่มา: https://www.webmd.com/first-aid/thermal-heat-or-fire-burns-treatment#1
5. แผลถูกบาดและเลือดออกมาก
เมื่อเส้นเลือดใหญ่ถูกตัดขาด เลือดที่ไหลออกมาจะมีสีแดงสด และจะไหลออกมามากเนื่องจากแรงสูบฉีดในร่างกาย กรณีนี้คุณควร ห้ามเลือดให้เร็วที่สุด และควรห้ามเลือดด้วยวิธีทำทูนิเก้ (รัดเพื่อห้ามเลือด)
เมื่อรัดทูนิเก้แล้วควรเขียนเวลาที่รัดบอกเอาไว้ด้วย ในอุณหภูมิห้องทั่วไปวิธีนี้อาจอยู่ได้ราวหนึ่งชั่วโมง แต่ในทุกๆ ครึ่งชั่วโมงควรจะคลายมันออกนิดหน่อยแล้วรัดกลับเหมือนเดิม
จากนั้นให้เรียกรถพยาบาล แล้วพันแผลด้วยผ้าพันแผลหรือเศษผ้าที่สะอาด
ที่มา: http://medicalency.com/pri-raneniyah-i-krovotecheniyah.htm
6. แผลถูกบาดและเลือดมีสารพิษ
หากถูกบาดเลือดออกแล้วในแผลมีพิษเป็นอันตราย เลือดที่ไหลออกมาจะมีสีแดงเข้มและจะไม่พุ่งแรง วิธีง่ายๆ ก็คือใช้ผ้าพันแผลปกติถ้า แต่ถ้าอาการหนักมาก็ควรพันแผลไว้ก่อนแล้วไปพบแพทย์
ที่มา: http://medicalency.com/pri-raneniyah-i-krovotecheniyah.htm
7. รอยฟกช้ำ
เมื่อเกิดแผลฟกช้ำ ให้ทำความเย็นบริเวณที่ช้ำก็เพียงพอ เช่น ประคบถุงน้ำแข็งไว้ที่จุดฟกช้ำราว 15-20 นาที แต่ถ้าหากบริเวณดังกล่าวมีอาการบวมหรือพองให้ใช้ผ้าพันแผลแบบยืดหยุ่นรัดเอาไว้และไปพบแพทย์
ที่มา: https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-bruise/basics/art-20056663
8. ถูกกระแทกและเกิดความกระทบกระเทือน
เมื่อสงสัยว่าสมองจะถูกกระทบกระเทือนให้รีบเรียกรถพยาบาล ระหว่างรอทีมแพทย์ให้ผู้ป่วยนั่งกึ่งนอนโดยต้องปลดกระดุมกางเกงออกให้หลวม และถ้าหากเกิดความกระหายน้ำก็ให้ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำชาหวานๆ
ที่สำคัญคือไม่ควรใช้ยาแอสไพรินเพื่อลดอาหารปวดหัว อีกทั้งอย่าพยายามหวังดีปรับที่นอน เบาะ หรือหมอน เพราะคนไข้ไม่ควรขยับตัว พยายามให้อยู่ในท่าที่สบายและคงท่านั้นเอาไว้
ที่มา: https://www.cprcertified.com/blog/how-to-treat-concussion
9. เลือดกำเดา
เมื่อเลือดกำเดาไหล ไม่แนะนำให้เงยหน้าขึ้นอย่างที่หลายๆ คนทำกัน การจะหยุดเลือดกำเดานั้น ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้นิ้วบีบจมูกเอาไว้ราว 10-15 นาที
หลายคนก็อาจจะใช้สำลีอุดจมูกเอาไว้ ซึ่งก็เป็นวิธีที่ได้ผลระดับหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามไม่ควรที่จะเงยหน้าขึ้น หากเลือดกำเดาไม่หยุดไหลเกินครึ่งชั่วโมงควรพบแพทย์
ที่มา: https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-nosebleeds/basics/art-20056683
10. ปั๊มหัวใจ
การปั๊มหัวใจนั้นสำคัญมากหากเราพบว่าใครคนหนึ่งหมดสติและหัวใจไม่เต้น ก่อนอื่นเลยควรเรียกรถพยาบาลแล้วค่อยทำการปั๊มหัวใจจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง การปั๊มหัวใจประกอบกับการผายปอดจะช่วยให้ร่างกายจำลองการสร้างออกซิเจนที่จำเป็น
วิธีคือ นำฝ่ามือทั้งสองมาวางคว่ำทับไขว้กันบริเวณอกช่วงล่างของผู้ป่วย แล้วให้กดลงในความถี่ที่ 100-120 ครั้งต่อนาที และพยายามอย่างอข้อศอกเพราะคุณจำเป็นต้องใช้น้ำหนักตัวด้วย
อย่าลืมที่จะผายปอดขณะที่การปั๊มหัวใจ หากมีผู้ช่วยทำ 2 คน การปั๊มหัวใจและผายปอดควรมีความถี่ในสัดส่วน 5 ต่อ 1 ครั้ง แต่หากทำโดยคนคนเดียวจะมีความถี่ที่สัดส่วน 15 ต่อ 2 ครั้ง (เป่าลมเข้า 2 ครั้งติดต่อกัน)
ที่มา: http://en.medicine-guidebook.com/terapiya-anesteziologiya-intensivnaya_nepryamoy-massa~1.html
11. รอยเห็บกัด
เมื่อมีรอยกัดที่เกิดจากเห็บ พยายามอย่าเทน้ำมันลงไปในแผล เพราะมันทำให้ไม่ทราบว่าแผลติดเชื้อหรือไม่ หากมีตัวเห็บอยู่ในแผลให้ใช้แหนบคีบออก หรือให้ผู้เชี่ยวชาญช่วย
จากนั้น หากมีอาการผื่นแดงหรือเป็นไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ เมื่อคีบตัวเห็บออกมาได้แล้วควรเก็บเอาไว้ทดสอบ ว่ามันทำให้เลือดของคุณติดสารพิษหรือติดเชื้อหรือไม่
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อย ในการนำไปใช้แก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.