ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเริ่มต้นฤดูฝนอยู่นั่นเอง ในอีกมุมหนึ่งของโลก ประเทศอินเดียกลับกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์
ประชาชนกว่า 600 ล้านชีวิตต้องเผชิญหน้ากับการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก นำไปสู่จำนวนการสูญเสียประชากรโดยเฉลี่ยมากถึงประมาณปีล่ะ 200,000 ชีวิตจากปริมาณน้ำสะอาดที่ไม่เพียงพอ และการบริโภคน้ำปนเปื้อน
นอกจากนี้ภายในปี 2020 น้ำใต้ดินในเมืองกว่า 21 เมืองยังมีแนวโน้มที่จะหมดลงอีกด้วย
ปัญหาขาดน้ำที่ว่านี้อาจจะนำไปสู่การขาดแคลนอาหารต่อไปได้ เนื่องจาก 80% ของน้ำในอินเดียนั้น ถูกใช้ไปกับการเกษตรในประเทศ
จากรายงานของ Niti Aayog สถาบันแห่งชาติเพื่อการปฏิรูปประเทศอินเดียเปิดเผยออกมาว่า การพัฒนาระบบประปาอย่างยั่งยืนในอินเดียนั้น มีการดำเนินการที่ช้ามากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นั่นทำให้เกิดการชลประทานที่ไม่ดีและการปนเปื้อนอย่างรุนแรงของน้ำใต้ดินที่ประชาชนจำเป็นต้องพึ่งพา ทำให้ปัญหาขาดแคลนน้ำที่รุนแรงอยู่แล้ว หนักหนามากขึ้นเป็นทวีคูณ
ประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบันอาศัยน้ำจากบ่อน้ำส่วนตัวหรือรถบรรทุกน้ำที่มาจากทางรัฐบาล จนการต่อแถวรอรับน้ำกลายเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตาในสลัมของอินเดียไปโดยปริยาย
นอกจากนี้เนื่องจากการเติบโตขึ้นของเมือง ความกดดันของการหาทรัพยากรน้ำในเมืองก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยจากรายงานของ Niti Aayog แล้ว ความต้องการน้ำจะมากกว่ากำลังการผลิตถึง 2 เท่าภายในปี 2030 และอาจส่งผลให้ค่า GDP ของประเทศลดลงได้ถึง 6% อีกด้วย
นั่นทำให้ปัญหาขาดน้ำในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องที่สำคัญต่ออนาคตของอินเดียเป็นอย่างมาก และมีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น ตราบใดที่ทางรัฐบาลยังไม่สามารถพัฒนาระบบประปาอย่างยั่งยืนได้
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.