การเป็นนักศึกษาวิชาทหาร หรือการเรียนรด. นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากในหลายๆ ครั้ง แต่พวกเราก็ยังคงเลือกที่จะบุกฝ่าฟันมันกันมาจนได้ใช่ไหมล่ะ บางที่ก็อาจจะเรียนเป็นอาทิตย์ๆ ไป หรือบางที่ก็อาจจะเป็นการเรียนยิงยาวรวดเดียวจบก็แล้วแต่พื้นที่การศึกษา
แต่เชื่อเถอะว่าไม่ว่าคุณจะเรียนรด.ที่ไหน จุดที่จดจำได้เป็นอย่างดีก็คงไม่พ้นการเข้าค่ายหรอก เพราะนอกจากจะเป็นการไปนอนนอกสถานที่เป็นเวลานานแล้ว เหล่าครูฝึกยังสรรค์หาอะไรต่ออะไรมาให้เราได้ทำกันจนเป็นที่จดจำเหลือเกิน
ดังนั้น #เหมียวศรัทธา จึงได้ไปรวบรวมเอาประสบการณ์การเข้าค่ายรด. สุดโหด มันส์ ฮาจากเหล่าผู้ที่ผ่านการเข้าค่ายมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน แต่จะมันส์กันขนาดไหนนั่นคงต้องไปดูกันเองเลยที่ข้างล่างนี้
เรื่องที่หนึ่ง : คาถาคนป่วย
ในตอนที่เข้าค่ายวันแรกเพื่อนของผม คนหนึ่งดันเดินไปเหยียบหน่อแหลมๆ ในป่าไผ่จนทะลุเข้ารองเท้าคอมแบท มันโดนส่งไปโรงพยาบาลทหารและกลับมาที่ค่ายหนึ่งวันหลังจากนั้น แต่ด้วยความที่เจ็บขามันจึงไม่สามารถเข้าฝึกกับคนอื่นๆ ได้ และต้องไปรวมกลุ่มกับคนเจ็บ คนป่วยอื่นๆ
แต่ไหนๆ ก็มาที่ค่ายแล้ว จะปล่อยให้นั่งเฉยๆ ก็กระไรอยู่ ครูฝึกจึงมอบหมายหน้าที่ให้พวกคนเจ็บคนป่วยหนึ่งอย่าง นั่นคือการต่อแถวเดินรอบกองร้อยตอนเย็น โดยจะมีการท่อง “คาถาคนป่วย” กันคนละหนึ่งท่อน โดยเจ้าเพื่อนของผมได้รับหน้าที่ถือไทรแองเกิล (เครื่องดนตรีแบบหนึ่ง) เดินตามแถวไป ผมจำคาถาที่ว่าได้แม่นเลย
“เจ็บฆวย ป่วยตา…”
“เกิดมามีกรรม”
“ทำจังไรไว้เยอะ”
“เจ็บฆวย ป่วยตา…”
“ข้าวปลาหาแดกได้”
“แดกได้ แดกดี”
“แดกทีสี่ห้าจาน”
“ออกค่ายกรูก็หายแล้วโว้ย!!”
กริ๊ง~ (เสียงไทรแองเกิล)
โดย #เหมียวศรัทธา
เรื่องที่สอง : ถั่วเขียวต้มน้ำตาล
ตอนที่ไปเข้าค่าย จะมีวันหนึ่งที่เราฝึกเดินป่าใช่ไหมล่ะ แถมไอ้การเดินป่าของนร.มันธรรมดาที่ไหนล่ะ เดี๋ยวก็ให้หมอบเดี๋ยวก็ให้หมอบอยู่นั่นล่ะ แถมพื้นยังมีทั้งขี้ดินขี้โคลน ไม่ต้องบอกนะว่ามือไม้เนื้อตัวเปื้อนกันขนาดไหน
ที่นี้พอถึงเวลากลางวันก็จะมีการส่งข้าวขึ้นมาให้ อาหารในวันนั้นมันเป็นข้าวไก่ทอดกับถั่วเขียวต้มน้ำตาล ซึ่งก็ไม่มีอะไรแปลกเท่าไหร่นัก พวกเราส่งข้าวไปเรื่อยๆ จนได้กันทุกคน
ในตอนนั้นเองที่ครูฝึดเดินมาบอกว่า ให้ทุกคนหยิบถั่วเขียวต้มน้ำตาลออกมา แล้วก็เทมันลงใส่ข้าว!! ไอ้เราก็ทำตาม ไม่เป็นไรอย่างมากก็แค่รสชาติห่วย แต่!! มันยังไม่จบ ครูฝึกบอกให้เราเอามือขย้ำข้าวให้เละ!! ว่าแล้วทุกคนก็ทำตาม แต่ด้วยที่มือไม้เปื้อนกันสุดๆ ข้าวก็ออกมาดำปี๋ ต่างคนต่างก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าควรจะกินยังไงดี
จนกระทั่งครูฝึกสั่งคำสั่งสุดท้าย ให้พวกเราเอามือป้อนข้าวเพื่อนที่อยู่ข้างๆ นั่นล่ะ ความไม่มั่นใจของทุกคนก็หายไปหมด… พร้อมกับโดนมือของคนข้างๆ ยัดข้าวดำปี๋ใส่ปาก…
โดยคุณ Poom Sriwareerat
เรื่องที่สาม : ไหวพริบ
นี่เป็นเรื่องสมัย 40-50 ปีก่อนโน้น สมัยที่ผมยังเรียนรด. จะบอกว่าที่ที่เราไปเข้าค่ายกันมันไม่ได้มีห้องน้ำแบบสมัยนี้หรอกนะ ดังนั้นเวลามีคนปวดขึ้นมาก็ต้องแบกเสียมเดินเข้าไปขุดหลุมกันในป่า
ปัญหามันอยู่ที่ว่าตอนกลางคืนมันมืดมากๆ เจ้าเพื่อนคนหนึ่งมันเลยไม่กล้าเดินเข้าป่าไป ว่าแล้วมันก็ขุดหลุมอึมันตรงสนามนั่นล่ะ เสร็จกิจก็กลบหลุมซะ แล้วก็กลับไปนอน
ปัญหาคือวันต่อมาตอนที่รวมแถว ดันมีคนไปเหยียบใส่ไอ้เจ้าหลุมที่ว่านี่สิ แถมยังคนเหยียบดันเป็นครูฝึกเสียด้วย แกโมโหมากและสั่งให้พวกเราต่อแถวกันเอานิ้วจิ้มอึก้อนนั้นแล้วก็ดูดนิ้วซะ แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ใครจะไปทำกัน บางคนก็เลยใช้นิ้วกลางจิ้มและดูดนิ้วชี้ ไม่ก็ทำเป็นจิ้มเร็วๆ แต่ไม่โดนอะไรแบบนั้น
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะว่าจะมีใครกินลงไปจริงๆ ไหม เพราะพวกเราไม่มีใครพูดถึงมันกันอีกเลย
โดยคุณ Poonsatit
เรื่องที่สี่ : เปลือกไข่
การทานอาหารในการเข้าค่ายมันมีกฎง่ายๆ ที่ว่าห้ามทานเหลือกันอยู่ แต่ครูฝึกของเราดันทำกฎง่ายๆ ที่ว่าให้กลายเป็นเรื่องยาก…
ไม่ใช่ว่าครูฝึกมานั่งบ่นหรือยืนคุมอะไรหรอก แต่เพราะว่าหนึ่งในอาหารที่เราทาน มันดันเป็นไข่ต้มนี่สิ พี่แกสั่งให้เรากินเปลือกไข่ลงไปด้วยยังไงล่ะ เอาเข้าจริงๆ คนส่วนใหญ่น่าจะแอบเอาเปลือกไข่ทิ้งไม่ก็ซ่อนในเสื้อกันนั่นล่ะ แต่ด้วยความที่นั่งใกล้ครู ผมก็เลยต้องกินเปลือกไข่ไปจริงๆ
ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนกินเข้าไปมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตอนที่ปล่อยมันออกมาในห้องน้ำนี่สิ…
โดยคุณ Chaowalit
เรื่องที่ห้า : ทดสอบความกล้า
ในการเข้าค่ายจะมีการฝึกรบกลางคืน แต่ที่ค่ายของผมครูฝึกจะเรียกมันว่า “การทดสอบความกล้า” โดยที่ครูฝึกจะให้เราเดินป่ากลางคืนไปตามฐานต่างๆ โดยระหว่างทางจะมีแสงจากธูปนำทางไปเรื่อยๆ และมีผีค่อยขู่ให้กลัวอะไรประมาณนั้น
ทีนี้การเตรียมการ พวกผีในป่ามันก็ต้องมีใช่ไหมล่ะ แล้วผมดันไปเห็นการเตรียมการเข้าโดยบังเอิญนิดๆ หน่อยๆ มันเป็นหุ่นคล้ายๆ หุ่นไล่กาที่เวลาคนที่แอบอยู่ดึงเชือกมันจะลุกขึ้นมาจากโลงศพในฐานฐานหนึ่ง
ดังนั้นในตอนที่ทดสอบความกล้าผมจึงเกลี้ยกล่อมให้กะเทยที่อยู่ในหมู่ไปเข้าฐานนี้ (ครูฝึกให้ไปหยิบฝาเป๊ปซี่ข้างโลง) ทีนี้ด้วยความที่เจ้าเพื่อนคนที่ว่านี้ตัวใหญ่สุดๆ พอมันไปหยิบฝาแล้ว หุ่นไล่กาเด้งออกมา มันก็ตกใจมากจนร้องออกมาเป็นเสียงผู้ชาย (แบบว่าไม่ใช่กรี๊ดๆ แต่เป็นเสียงแหบๆ ทุ้มๆ เลย)
เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยความตกใจมันเลยถีบหุ่นไล่กาไปหนึ่งที แรงถีบของมันแรงมากจนคนที่ถือเชือกอยู่หลังฉาก (ไม่มั่นใจว่าเป็นพวกปี 4 ปี 5 หรือครูฝึก) โดนแรงเชือกตีกลับจนร้องเสียงหลงเลย (เอาจริงๆ มันมืดเลยไม่แน่ใจว่าทำไมถึงร้องเหมือนกัน)
โดยคุณ Mongkhon
เรื่องที่หก : ธง
ระหว่างที่เข้าค่ายอยู่แต่ละกองร้อยจะมีธงประจำกองร้อยอยู่ แล้วทีนี้ถ้าธงโดนขโมยเราก็จะโดนทำโทษ แต่กองร้อยของผมดูแลธงกันไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เราโดนขโมยธงถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกที่โดนขโมยธง พวกเราได้ “ธงปีศาจ” กลับมาเป็นธงผ้าไม่มีลาย โดยแทนที่จะ “เอี้ยยย” เชิญธงแบบปกติ เราจะต้องหอนยาวๆ และร้อง “เอ๋ง เอ๋ง เอ๋ง ” ตอนชูธงก่อนที่จะหมอบ
ครั้งที่สองที่โดนขโมยธง พวกเราได้ “โคตรปีศาจ” กลับมาเป็นธงที่ทำจากถุงพลาสติก แถมยังไม่พอ ตัวเสาธงกลายเป็นกิ่งไม้ยาวๆ หงิกๆ งอๆ เวลาแบกไปไหนเหมือนเด็กๆ ไปเดินทางไกลไม่มีผิด
ครั้งที่สามที่โดนขโมยธง พวกเราได้ “บรมโคตรปีศาจ” กลับมา มันเป็นธงที่ทำจากถุงดำสำหรับใส่ขยะและเสาธงกลายเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ ทั้งต้น พวกเราต้องใช้คนสองคนช่วยกันแบกธง และต้องสลับกันแบก 3 คู่จนจบค่าย
ให้ตายสิครูฝึกนี่ก็ช่างคิดเหลือเกิน
โดยคุณ Nutchanon
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ เรียนร.ด.มีเรื่องอะไรแบบนี้มาเล่าบ้างไหม
รวบรวมและเรียบเรียงโดย #เหมียวศรัทธา
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.