หญิงสาวผู้มี 12 บุคลิก ใช้วิธีแยกสมุดโน้ต 12 เล่ม บันทึกพฤติกรรมตัวเองในแต่ละช่วง

ฟังดูอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคนปกติ หากเราได้ยินว่าคนเราสามารถมีบุคลิกได้มากกว่า 1 แบบ สมัยก่อนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ปัจจุบันอาการดังกล่าวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

Lauren Stott วัย 23 ปี ต้องประสบกับอาการของโรคหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity Disorder (DID) โดยที่เธอนั้นมี 12 บุคลิกอยู่ภายในร่างเดียวกัน

เธอจะต้องพกสมุดโน้ต 12 เล่มเพื่อจดบันทึกความคิด ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคลิกนำมาประกอบเป็นตัวตนของเธอเอง

ความผิดปกติทางจิตนี้ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นจากการได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง หรืออาจจะหมายถึงความผิดปกติ ที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจได้เช่นเดียวกัน

ทางด้านจิตแพทย์เชื่อว่า Lauren นั้นทุกข์ทรมานจากความผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ตั้งแต่ช่วง ป. 1 – ป. 2 นำไปสู่การแยกบุคลิกเพื่อความอยู่รอด

เธอได้รับวินิจฉัยโรคครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2017 ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วในเดือนสิงหาคม 2016

หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอเข้ารับการรักษาแทบทุกวัน เพื่อที่จะมองเห็นภาพบุคลิกทั้ง 12 ร่างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นภายในห้องบำบัดที่จัดโต๊ะไว้ให้สำหรับเธอคนเดียว 12 ที่!!

เธอกล่าวว่าหลายบุคลิกมักจะพูดปากพล่อย (เพ้อเจ้อไปเรื่อย) รวมไปถึงบุคลิกหนึ่งของเธอที่ชื่อว่า Sylvie ซึ่งเป็นเด็กอายุ 7 ขวบ ที่มีอาการฉุนเฉียวรุนแรงและชอบขว้างปาสิ่งของบ่อยครั้ง 

“ในการบำบัด ฉันมีอาการที่คิดว่าจะต้องมีทั้ง 12 คนออกมาอยู่ตลอด เพราะด้วยการจัดโต๊ะทั้ง 12 ตัวในห้อง จัดเรียงเป็น 4 แถว และมีตัวตนที่มีบุคลิกผู้นำอยู่โต๊ะข้างหน้าสุด”

“มี 12 คนอยู่ในห้องนั้น และทุกคนก็จะมีความทรงจำและความรู้สึกเป็นของตัวเอง ฉันพกสมุดบันทึกไว้ 12 เล่มสำหรับแต่ละคน และหนึ่งในนั้นเป็นเด็กสาวอายุ 7 ขวบ ฉันเรียกเธอว่า Sylvie” Lauren ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรักษาของเธอ

1 ใน 12 บุคลิกที่ชื่อว่า Hope เปิดเผยว่าตัวเธอเองถูกคุกคามทางเพศตอนอายุ 17 ปี

Lauren มักจะเรียกบุคลิกทั้งหมดนี้ว่าเป็นระบบร่างกายของเธอ กล่าวคือยากที่จะอธิบายรายละเอียดยิบย่อยของบุคลิกทั้งหมดได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจจะพูดได้ ‘เกรี้ยวกราดดั่งสัตว์’

อย่างไรก็ตาม เธอพยายามใช้การบันทึกสมุดรายวัน เพื่อที่จะประกอบชิ้นส่วนบุคลิกเข้าด้วยกัน หวังว่าจะช่วยปลดปล่อยความทรงจำอันเจ็บปวดในอดีตให้หายไปได้…

ที่มา: dailymail, metro, ladbible