Jin Gates คือแรปเปอร์หนุ่มลูกครึ่ง เกาหลี-อเมริกัน ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 50 Cent , DJ Khaled หรือแม้แต่ Ben Baller
Jin Gates แรปเปอร์ลูกครึ่ง เกาหลี-อเมริกัน
.
ในวันที่ 29 มิถุนายน 2018 เขาได้เดินทางบนเครื่องบินมุ่งตรงไปทำการแสดงที่รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา
แต่เครื่องยังไม่ทันออก เขาและทีมงานก็กลับโดนไล่ให้ลงไป เพราะพนักงานต้อนรับคนหนึ่งบอกว่า “รู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องนั่งเครื่องบินกับพวกเขา”
ภาพตอน Jin Gates ถูกไล่ให้ลงจากเครื่อง
Jin Gates ถ่ายคลิปพร้อมทั้งอธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวลงในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า…
“มินนิโซตา ผมขอโทษนะนี่มันไม่ใช่ความผิดผมเลย… สายการบิน JetBlue ไม่ชอบชาวเอเชียที่มีรอยสักเท่านั้นเอง!!”
“เราถูกไล่ลงจากเครื่องเพราะพนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งบอกว่า เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องนั่งเครื่องบินไปกับเรา”
คลิปวิดีโอที่เขาถ่ายเอาไว้ (หากดูไม่ได้ กดที่ลิงก์ Instagram )
https://www.instagram.com/p/BknTj6QAtLr/?utm_source=ig_embed
“แม้เราจะถูกไล่ลงเครื่อง แต่เราก็แสดงความเคารพต่อการตัดสินใจของพวกเขา อย่างที่ทุกคนได้เห็น”
“หัวหน้าผู้ควบคุมดูแลหลักได้ทำการสอบถามผู้โดยสารคนอื่นๆ ว่าเราได้ทำอะไรผิดหรือเปล่า หรือว่าเราได้พูดอะไรหยาบคายออกไปมั้ย ซึ่งผู้โดยสารทุกคนต่างบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย!!”
แคปชั่นเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้แฟนคลับทุกคนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก บางคนรู้สึกเสียดายที่การแสดงของแรปเปอร์หนุ่มต้องถูกยกเลิก หลายๆ คนมองว่านี่มันคือการเหยียดเชื้อชาติอย่างเห็นได้ชัด ต้องฟ้องร้องให้ถึงที่สุด
แฟนคลับที่รอดูการแสดงของเขาในรัฐมินนิโซตา ต่างพากันรู้สึกเสียดายที่มันต้องถูกยกเลิกไป
ชาวเน็ตจำนวนมากมองว่านี่คือการกระทำในเชิงเหยียดเชื้อชาติอย่างชัดเจน
“ฟ้องร้องสายการบินนี้ไปเลย!!”
.
ทางด้านสายการบิน JetBlue ก็ได้ออกมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่า….
“การตัดสินใจให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างในกรณีนี้ หลังจากที่ผู้โดยสารมีการถกเถียงกับลูกเรือของเรา ทางทีมพนักงานมีความเห็นว่าถ้าปล่อยไปอาจเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าเดิมเมื่อออกบิน”
“พนักงานของเราจึงขอให้ผู้โดยสารลงไปจากเครื่องและคืนเงินค่าตั๋วทั้งหมดให้กับพวกเขาไป”
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าการให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องไปถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วหรือเปล่า?
ด้วยเหตุผลจากพนักงานบนเครื่องที่มองว่าพวกเขาดูเป็นคนอันตราย ซึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นชาวเอเชียที่มีรอยสัก แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารคนอื่นๆ
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.